“ฉันทั้งคันทั้งเจ็บ” รู้จักหนึ่งในภาวะผิดปกติบริเวณอวัยวะเพศหญิงที่มักถูกวินิจฉัยผิด

Clare is sitting on a chair, looking straight at the camera. She has short, blonde, curly hair. She is wearing a dark pink, short-sleeved T-shirt and a silver necklace. She is outside and there are bushes in the background.

ที่มาของภาพ, Baumhauer family archive

คำบรรยายภาพ, แคลร์ต้องทนอยู่กับอาการเหล่านี้นานถึง 38 ปี ก่อนที่เธอจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไลเคนสเคลอโรซัสที่ปากช่องคลอด (vulva lichen sclerosus)
  • Author, มาเรีย ซัคคาโร
  • Role, บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส

“ฉันแค่คิดว่าผู้หญิงทุกคนก็คงต้องคันแบบนี้” แคลร์ เบาม์ฮาวเออร์ กล่าว

หญิงวัย 52 ปีจากเมืองเคนต์ ประเทศอังกฤษ เล่าว่าเธอเริ่มรู้สึกคันบริเวณปากช่องคลอด (vulva) ตั้งแต่อายุประมาณ 5 ขวบ

“ฉันคันตลอดเวลา และเจ็บมาก จะมีตุ่มเลือดพอง มีแผลฉีกขาด และมันจะเจ็บเวลาเข้าห้องน้ำ” เธออธิบาย พร้อมบอกว่า บางครั้งแค่การนั่งหรือเดินก็ลำบากแล้ว

ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เธอไปพบแพทย์หลายคน ซึ่งพวกเขามักบอกว่าเธอเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือการติดเชื้ออื่น ๆ เช่น เชื้อราในช่องคลอด แต่ไม่มีการรักษาใดได้ผล

เธอยังผ่านการตรวจจากพยาบาลผดุงครรภ์ขณะคลอดลูกทั้งสองคน และเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (หรือที่เรียกว่าแปปสเมียร์) ถึง 8 ครั้ง แต่ก็ไม่เคยพบความผิดปกติใด ๆ

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and continue reading

ได้รับความนิยมสูงสุด

  • ภาพ “ความสยดสยองของสงคราม” (The Terror of War) เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลกในชื่อว่า “เด็กหญิงระเบิดนาปาล์ม” (Napalm Girl) ภาพนี้ทำให้นิก อู๊ต ได้รับรางวัลมากมายรวมถึงรางวัลพูลิตเซอร์ด้วย

  • .

  • A Cambodian soldier (2nd L) shakes hands with a Thai soldier (2nd R) at the disputed ancient Khmer temple Prasat Ta Muen Thom, or Prasat Ta Moan Thom in Khmer, on the Cambodian-Thai border in Oddar Meanchey province on March 26, 2025. (Photo by TANG CHHIN Sothy / AFP) (Photo by TANG CHHIN SOTHY/AFP via Getty Images)

  • Un submarinista en el fondo del mar

End of ได้รับความนิยมสูงสุด

จนกระทั่งปี 2016 ขณะที่เธออายุ 43 ปี เธอไปพบแพทย์เรื่องผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศฉีกขาด แพทย์จึงนำเนื้อเยื่อไปตรวจ และพบว่าเธอเป็นโรคไลเคนสเคลอโรซัสบริเวณปากช่องคลอด

โรคผิวหนังประเภทนี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ายังมีการรายงานน้อยและวินิจฉัยผิดพลาดในหลายประเทศ สามารถทำให้เกิดรอยปื้นสีขาวบริเวณผิวหนังของอวัยวะเพศภายนอก ทำให้เกิดอาการคัน มีแผลเป็น และมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เช่น การหดหรือรัดตัวของเนื้อเยื่อ ส่งผลให้รู้สึกไม่สบายเวลาปัสสาวะ อุจจาระ หรือมีเพศสัมพันธ์

โรคนี้เกิดได้กับผู้หญิงทุกวัย แต่พบได้บ่อยในกลุ่มอายุเกิน 50 ปี และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากช่องคลอด (vulval cancer) แม้โดยรวมแล้วแพทย์จะประเมินว่าความเสี่ยงยังคงต่ำอยู่

A simple graphic showing the anatomy of the vulva. It shows the labia majora, clitoris, labia minora and vagina.

คำบรรยายภาพ, กราฟิกแสดงกายภาคของปากช่องคลอด ซึ่งประกอบไปด้วย แคมใหญ่ (Labia majora) แคมเล็ก (Labia minora) คลิตอริส (Clitoris) ทวารหนัก (Anus) และช่องคลอด (Vagina)

แคลร์ค้นพบว่า นอกจากแคมเล็กของเธอหดตัวและคลิตอริสติดกับผิวหนังโดยรอบแล้ว เธอยังตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปากช่องคลอด

“ฉันโกรธมาก เพราะมันมีโอกาสตั้งหลายครั้งที่จะวินิจฉัยโรคไลเคนสเคลอโรซัสได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่ก็พลาดไปหมด” เธอกล่าว

“ฉันรู้สึกอับอาย”

เธอเพิ่งเล่าเรื่องทั้งหมดให้สามีฟังหลังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไลเคนสเคลอโรซัสและมะเร็งที่ปากช่องคลอด ทั้งที่เธอเผชิญกับสิ่งนี้มาตลอดเกือบทั้งชีวิต

“ฉันไม่เคยพูดเลย เพราะรู้สึกอับอายกับอาการคันและเจ็บ และต้องคอยหาข้ออ้างว่าทำไมการมีเพศสัมพันธ์ถึงเจ็บ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ก็เลยไม่สามารถอธิบายกับใครได้” เธอกล่าว

“เขารู้แค่ว่าฉันไปหาหมอแล้วได้ยารักษาเชื้อรา ก็เลยคิดว่าฉันเป็นเชื้อราเรื้อรังเท่านั้น”

ปัจจุบันแคลร์ดูแลกลุ่มสนับสนุนออนไลน์สำหรับผู้หญิงทั่วโลกที่เผชิญกับโรคนี้ โดยเธอบอกว่าผู้หญิงที่เป็นโรคไลเคนสเคลอโรซัสมักไม่พูดถึงอาการของตัวเอง

“มันเป็นเรื่องยาก เรื่องนี้ยังเป็นสิ่งต้องห้ามอยู่” เธอกล่าว “เราไม่ค่อยพูดเรื่องเพศ หรือเรื่องอวัยวะเพศหญิงกันอย่างเปิดเผย และก็มีความตระหนักรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่เพียงพอ”

เด็บบี โรพ์ ผู้อำนวยการสมาคมศึกษาโรคเกี่ยวกับอวัยวะเพศหญิงและช่องคลอดนานาชาติ (International Society for the Study of Vulvovaginal Disease – ISSVD) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร กล่าวว่า ยังคงมีการรายงานโรคไลเคนสเคลอโรซัสที่ปากช่องคลอดน้อยอยู่ทั่วโลก

เธอเชื่อว่าความตระหนักรู้พัฒนาดีขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังต้องมีการรณรงค์เพิ่มอีกมาก

“หลายคืนที่นอนไม่หลับ”

เช่นเดียวกับแคลร์ มีนักษี โชกซี หญิงวัย 85 ปี จากรัฐคุชราตทางตะวันตกของอินเดีย ก็รู้สึกอับอายเมื่อเธอเริ่มมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดครั้งแรกในปี 2000 เธอเริ่มมีแผลฉีกขาดและมีเลือดออก

“ฉันรู้สึกอายที่จะพูดถึงมัน มีหลายคืนมากที่ฉันนอนไม่หลับ” เธอกล่าว

A close-up of Meenakshi. She is looking at the camera and wearing white clothes. She is smiling, has grey hair and is wearing golden earrings. She also has a nose piercing.

ที่มาของภาพ, Mitanshu Dhabalia

คำบรรยายภาพ, มีนักษีกล่าวว่า ตอนแรกเธอรู้สึกอายที่จะพูดถึงอาการของตัวเอง

เธอใช้เวลานานถึง 24 ปี และพบแพทย์มาแล้ว 13 คนกว่าจะได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องในที่สุด เมื่อปีที่แล้ว แพทย์ผิวหนังคนหนึ่งบอกเธอว่าเธอเป็นโรคไลเคนสเคลอโรซัสบริเวณปากช่องคลอด และให้ยาและครีมซึ่งช่วยบรรเทาอาการได้ภายในไม่กี่วัน

“ฉันรู้สึกกลับมามีแรงอีกครั้ง ฉันได้ใช้ชีวิตใหม่แล้ว” เธอกล่าว

แพทย์ระบุว่า โรคไลเคนสเคลอโรซัสไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การใช้ขี้ผึ้งสเตียรอยด์มักช่วยบรรเทาอาการได้ดี

สาเหตุของโรคนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอาจเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องเราจากเชื้อโรค เกิดความผิดพลาดและโจมตีเนื้อเยื่อผิวหนังของตัวเองโดยไม่ตั้งใจ

โรคนี้ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อหรือสุขอนามัยที่ไม่ดี และไม่ใช่โรคติดต่อ จึงไม่สามารถแพร่กระจายสู่ผู้อื่นได้ ไม่ว่าจะผ่านการสัมผัสใกล้ชิดหรือการมีเพศสัมพันธ์

“ได้รับการวินิจฉัยโดยบังเอิญ”

ทว่าสำหรับผู้หญิงบางคน ก็ไม่ได้มีการแสดงอาการทั้งหมดออกมา

ลูเซีย (นามสมมติ) กล่าวว่า เธอไม่เคยรู้สึกคันบริเวณอวัยวะเพศภายนอกหรือปากช่องคลอดเลย แต่เธอก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไลเคนสเคลอโรซัสบริเวณอวัยวะเพศ “โดยบังเอิญ”

หญิงวัย 50 ปีจากนครรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เล่าว่า เธอเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีกับนรีแพทย์คนเดิมติดต่อกันถึง 25 ปี และไม่เคยมีสัญญาณของความผิดปกติใด ๆ เลย

จนกระทั่งวันหนึ่งเธอไปพบเพื่อนซึ่งเป็นแพทย์ผิวหนังเพราะมีปัญหาอื่นในบริเวณขาหนีบ แล้วจึงได้รับการแจ้งว่าอวัยวะเพศของเธอดูผิดปกติ

“แคมเล็กเชื่อมติดกับแคมใหญ่ แล้วก็มีการเชื่อมกันของเนื้อเยื่อบริเวณใกล้คลิตอริส” เธออธิบาย

“ฉันไม่ได้ไปมองอวัยวะเพศของคนอื่น”

ลูเซียเล่าว่านี่คือรูปร่างของอวัยวะเพศของเธอเท่าที่เธอจำได้ แต่เธอไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นปัญหา

“ฉันไม่ได้ไปมองอวัยวะเพศของคนอื่น เพราะฉะนั้นสำหรับฉัน ทุกอย่างก็ดูปกติดี” เธอกล่าว

แพทย์ผิวหนังของเธอรีบทำการตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทันที และผลก็ยืนยันว่าเธอเป็นโรคไลเคนสเคลอโรซัสบริเวณปากช่องคลอด

“ตอนแรกฉันตกใจมาก” เธอกล่าว แต่การวินิจฉัยครั้งนี้ก็ทำให้หลายเรื่องกระจ่างขึ้น

เธอมักรู้สึกระคายเคืองและผิวหนังบอบบางมากหลังจากมีเพศสัมพันธ์

“ฉันเคยบอกนรีแพทย์คนก่อนเรื่องนี้ แต่เขาก็แค่ตอบกลับมาว่าอวัยวะเพศฉันคับแน่นเกินไป” เธอเล่า “แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันแน่นเพราะเนื้อเยื่อเกิดการเชื่อมติดกัน”

ลูเซียบอกว่า ตอนที่เธอบอกนรีแพทย์คนนั้นถึงผลการวินิจฉัย เขารู้สึก “อับอาย” และบอกว่า “ไม่เคยสงสัย [ว่าเธอจะเป็นโรคนี้] เลย” เพราะ “ไม่เคยวินิจฉัยโรคนี้กับใครมาก่อนเลย”

“ฉันคิดว่านี่แหละคือประเด็นสำคัญ ความรู้ที่ขาดหายไปในหมู่บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งในฐานะคนไข้ เราไม่คาดคิดเลยว่าจะเจอกับเรื่องแบบนี้” ลูเซียกล่าว

ขาดความรู้

งานวิจัยล่าสุดที่นำโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จากมหาวิทยาลัยนอตติงแฮม ประเทศอังกฤษ พบว่า การขาดความรู้ความเข้าใจเป็นอุปสรรคที่ทำให้แพทย์บางคนไม่สามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้

ผู้เขียนหลักของงานวิจัย ลูอีส คลาร์ก ซึ่งเป็นแพทย์ทั่วไป (GP) ในสหราชอาณาจักร กล่าวว่า นั่นไม่ได้หมายความว่าแพทย์ไม่รู้จักโรคไลเคนสเคลอโรซัสบริเวณอวัยวะเพศภายนอก แต่เป็นเพราะมีความยากลำบากในการระบุโรคนี้จากอาการ

เมื่อสอบถามแพทย์ทั่วไปและแพทย์ฝึกหัดบางราย พวกเขาอธิบายว่า ปัญหาหนึ่งคือไม่มีเกณฑ์วินิจฉัยที่ชัดเจน และผู้ป่วยก็มักรู้สึกอายที่จะพูดถึงอวัยวะเพศของตนเอง

An illustration which is a simple list of the main symptoms of lichen sclerosus. The symptoms listed are: Itching, white or pale skin patches, crinkly skin, bleeding or bruising, painful sex, anatomical changes.

คำบรรยายภาพ, รายการอาการหลักของโรคไลเคนสเคลอโรซัส (Lichen Sclerosus) ที่พบบ่อย ได้แก่ คัน ผิวหนังเป็นปื้นสีขาวหรือสีซีด ผิวหนังย่นหรือเป็นรอยยับ มีเลือดออกหรือรอยช้ำง่าย รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ และมีลักษณะทางกายวิภาคเปลี่ยนไป

งานวิจัยของเธอยังพบว่า ในบรรดาแพทย์ 122 คนที่ตอบแบบสอบถาม มีถึง 38% ที่ไม่เคยได้รับการสอนโดยตรงเกี่ยวกับโรคผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศหญิงเลย

เธออธิบายว่า ในโรคอื่น ๆ แพทย์มักมีเครื่องมือช่วย เช่น โปรแกรมคำนวณความเสี่ยง หรือเกณฑ์วินิจฉัยที่ชัดเจน แต่สำหรับโรคไลเคนสเคลอโรซัสบริเวณอวัยวะเพศหญิงกลับไม่มีสิ่งเหล่านี้เลย

“ดังนั้นการวินิจฉัยจึงมักขึ้นอยู่กับตัวแพทย์อยู่เล็กน้อย คุณต้องพึ่งพาประสบการณ์ของแพทย์หรือความคิดเห็นของแพทย์ในการวินิจฉัยโรคไลเคนสเคลอโรซัสบริเวณอวัยวะเพศภายนอก” เธอกล่าว

เธอและทีมงานกำลังพัฒนาชุดเกณฑ์วินิจฉัย แต่ยอมรับว่ายังเป็นเรื่องยากที่จะประเมินจำนวนผู้ป่วยทั่วโลก เพราะยังไม่มีการศึกษาในวงกว้าง

“นี่เป็นหัวข้อการวิจัยที่ถูกมองข้าม” เธอกล่าว “น่าจะมีผู้หญิงจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัย ทั้งที่มีอาการคันบริเวณอวัยวะเพศและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตน”

ขณะที่แคลร์ ซึ่งดูแลกลุ่มสนับสนุนผู้ป่วยที่มีสมาชิกประมาณ 13,000 คน บอกว่า ขณะนี้ไม่มีเชื้อมะเร็งร้ายอยู่ในร่างกายของเธอแล้ว แต่เธอยังตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอ

ด้านมีนักษี หญิงชาวอินเดีย ส่งข้อความถึงผู้หญิงทุกคนว่า “อย่ากลัวหรืออายที่จะพูดถึงปัญหานี้” เธอกล่าว “อย่าปิดบัง”