จับตา”ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ “มาแรง 5 ปี รายได้แตะ7.3 พันล้านบาท

จับตา”ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ-“มาแรง 5-ปี-รายได้แตะ7.3-พันล้านบาท
จับตา”ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ “มาแรง 5 ปี รายได้แตะ7.3 พันล้านบาท

เศรษฐกิจ

31 พ.ค. 2025 เวลา 8:00 น.

จับตา”ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ “มาแรง 5 ปี รายได้แตะ7.3 พันล้านบาท

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทย  มาแรง เติบโตก้าวกระโดด  5 ปี ย้อนหลังสร้างรายได้แตะ 7.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% กำไรรวมปี ‘66 กว่า 1.6 พันล้านบาท

Key Point

  • โรงเรียนนานาชาติฟีเวอร์ กลุ่มผู้ปกครองที่มีรายได้สูงนิยมส่งบุตรหลานเข้าเรียน
  • รายได้รวมธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทยแตะ 7.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 28%
  • กำไรรวมปี 2566 มีกว่า 1.6 พันล้านบาท
  • ธุรกิจการศึกษาในไทย 7,511 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 5.1 หมื่นล้านบาท
  • ชาวอังกฤษเข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทยสูงสุดถึง 30

เดือนพ.ค.ของทุกปีถือเป็นช่วงเวลาเปิดภาคเรียนใหญ่ของนักเรียนในประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบัน ผู้ปกครองมีความพิถีพิถันในการเลือกโรงเรียนให้กับบุตรหลานมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ปกครองที่มีรายได้สูงและนักลงทุนต่างชาติรวมทั้งนักธุรกิจและเจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศที่เข้ามาทำงานในไทยที่พาครอบครัวมาอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่หันมาเลือก“โรงเรียนนานาชาติ”ภายในประเทศเป็นทางเลือกหลักแทนการส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อต่างประเทศ เนื่องจากโรงเรียนนานาชาติในไทยมีมาตรฐานการศึกษาที่สอดคล้องกับระดับสากลในค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าและยังสามารถดูแลบุตรหลานได้ใกล้ชิด สร้างความอบอุ่นได้เหมือนเดิม

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เจาะลึกข้อมูลธุรกิจโรงเรียนนานาชาติที่ตั้งในไทยพบว่า ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทยมีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง และเป็นธุรกิจที่น่าจับตามอง ข้อมูลคลังข้อมูลธุรกิจ DBD DataWarehouse+ พบว่า โรงเรียนนานาชาติส่วนใหญ่ตั้งอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรี และภูเก็ต มีโรงเรียนนานาชาติตั้งอยู่รวมกันมากกว่า 80% โดย 10 อันดับโรงเรียนนานาชาติที่มีค่าเทอมสูงสุดอยู่ระหว่าง 1,109,400 – 905,300 บาท ต่อ ปี

จากข้อมูลนิติบุคคลธุรกิจการศึกษาในประเทศไทย (ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) พบว่า มีธุรกิจการศึกษาในประเทศไทย จำนวน 7,511 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 50,633.46 ล้านบาท แบ่งตามขนาดธุรกิจการศึกษา ขนาดเล็ก (S) 7,362 ราย (98.02%) ทุนจดทะเบียนรวม 33,159.56 ล้านบาท ขนาดกลาง (M) 122 ราย ทุน 11,239.55 ล้านบาท และ ขนาดใหญ่ 27 ราย (0.36%) ทุน 6,234.35 ล้านบาท ประกอบธุรกิจในรูปแบบ บริษัทจำกัด 6,717 ราย (89.43%) ทุน 48,171.92 ล้านบาท ห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 790 ราย (10.52%) ทุน 1,116.64 ล้านบาท และ บริษัทมหาชนจำกัด 4 ราย (0.05%) ทุน 1,344.90 ล้านบาท

จับตา”ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ “มาแรง 5 ปี รายได้แตะ7.3 พันล้านบาท

“อรมน ทรัพย์ทวีธรรม” อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โรงเรียนนานาชาติในไทยเติบโตต่อเนื่อง มาจากมาตรฐานการที่ศึกษาที่เป็นสากล มีการขยายหลักสูตรเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ปกครองที่ต้องการการศึกษาคุณภาพสูง  รวมทั้งให้ความสำคัญต่ออัตราส่วนระหว่างครูผู้สอนกับจำนวนนักเรียน โดยมีอัตราครู 1 คน ต่อนักเรียน 8 คน สะท้อนถึงคุณภาพการศึกษาที่สูงขึ้นและการให้ความสำคัญกับการดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ส่งผลให้โรงเรียนนานาชาติในไทยมีมาตรฐานเทียบเท่าโรงเรียนนานาชาติในระดับสากล ผู้ปกครองชาวไทยและต่างชาติจึงนิยมส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติของไทย จากเดิมที่นิยมส่งบุตรหลานไปเรียนที่ต่างประเทศเป็นหลัก

นอกจากนี้ปัจจัยสนับสนุนเชิงจิตวิทยาที่ส่งผลให้โรงเรียนนานาชาติได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ปกครองที่มีรายได้สูง 1 ในปัจจัยสำคัญ คือ สถานะทางสังคม หรือ Status แม้ว่าการเรียนในโรงเรียนนานาชาติจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าทางเลือกทั่วไป แต่ผู้ปกครองที่มีรายได้สูงก็เลือกที่จะลงทุนด้านการศึกษาให้แก่บุตรหลาน เนื่องจากได้รับการยอมรับในสังคมและการมีส่วนร่วมในเครือข่ายสากลซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและความมั่งคั่ง นอกจากนี้ ความชอบในสิ่งที่ ‘Exclusive’ หรือ มีความพิเศษกว่า ยังเป็นอีก 1 ปัจจัยที่ผู้มีรายได้สูงมักมองหาประสบการณ์หรือสิ่งที่ไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป โรงเรียนนานาชาติมีหลักสูตรเฉพาะ การเข้าถึงเครือข่ายระดับโลก และสภาพแวดล้อมที่จะช่วยสร้างโอกาสการพัฒนาทักษะระดับสากล จึงสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้ปกครองที่มีรายได้สูงเป็นอย่างดี

จับตา”ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ “มาแรง 5 ปี รายได้แตะ7.3 พันล้านบาท

ข้อมูลสำคัญที่ทำให้ธุรกิจการศึกษาในประเทศไทยเป็นที่น่าจับตามอง หากวิเคราะห์ย้อนหลังไป 5 ปี (2563-2567) เห็นได้ชัดว่าการจัดตั้งธุรกิจและทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ปี 2563 จำนวน 502 ราย ทุน 1,012.18 ล้านบาท ปี 2564 จำนวน 512 ราย  เพิ่มขึ้น 1.99% ทุน 719.10 ล้านบาท ปี 2565 จำนวน 616 ราย เพิ่มขึ้น  1.99% ทุน 1,496.04 ล้านบาท ปี 2566 จำนวน 889 ราย เพิ่มขึ้น 44.32%  ทุน 1,733.03 ล้านบาท และ ปี 2567 จำนวน 979 ราย  เพิ่มขึ้น 10.12%) ทุน 1,875.37 ล้านบาท สำหรับเดือนม.ค. – เม.ย. 2568 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 319 ราย ทุน 610.34 ล้านบาท

ด้านผลประกอบการ 3 ปีที่ผ่านมา (2564-2566)  ปี 2564 รายได้ 33,126.88 ล้านบาท  ปี 2565 รายได้ 39,033.54 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 5,906.66 ล้านบาท หรือ  17.83%  และปี 2566 รายได้ 46,290.96 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7,257.42 ล้านบาท หรือ  18.59%

ผลประกอบการ (กำไร/ขาดทุน) ปี 2564 กำไร 1,491.08 ล้านบาท ปี 2565 กำไร 3,368.36 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 1.26% และปี 2566 กำไร 5,785.58 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 71.76% ) สำหรับการลงทุนของชาวต่างชาติในประเทศไทย พบว่า มีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 5,732.96 ล้านบาท โดยสัญชาติที่ลงทุนมากที่สุด คือ อังกฤษ 1,706.29 ล้านบาท (30%) จีน 636.07 ล้านบาท (11%) สิงคโปร์ 428.45 ล้านบาท (7%) และ อื่นๆ 2,962.15 ล้านบาท (52%)

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรมีการระบุว่าโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย มีจำนวนถึง 257 แห่ง และเนื่องจากการแบ่งกลุ่มธุรกิจการศึกษาในประเทศไทย ไม่ได้มีการจัดกลุ่มสำหรับโรงเรียนนานาชาติเป็นการเฉพาะ กรมฯจึงได้มีการรวบรวมโรงเรียนนานาชาติที่ได้รับความนิยม จำนวน 20 ราย เพื่อวิเคราะห์มุมมองธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในเชิงลึกมากขึ้น โดยพบว่า ในปี 2566 รายได้รวมเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็น 7,327 ล้านบาท  เพิ่ม 28.04% เมื่อเทียบกับปี 2565 ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการขยายฐานนักเรียนและอาจรวมถึงการเพิ่มค่าเล่าเรียนหรือการขยายหลักสูตรเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ปกครองที่ต้องการการศึกษาคุณภาพสูงสำหรับบุตรหลาน

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น อัตราการเกิดของประชากรที่อาจลดลงในระยะยาว ซึ่งอาจกระทบต่อจำนวนนักเรียนใหม่ในอนาคต นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เช่น ค่าแรงครู และการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลต่ออัตรากำไรสุทธิในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภาวะที่การแข่งขันจากโรงเรียนต่างชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มรุนแรงขึ้น แต่ยังคงมีโอกาสสร้างการเติบโตผ่านช่องทางการตลาดอื่นๆ ได้ เช่น การตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพการศึกษาที่เหนือกว่า และการพัฒนาหลักสูตรเฉพาะที่สอดคล้องกับทักษะที่จำเป็นในโลกอนาคต เช่น STEM, Coding และ AI รวมถึงการขยายสู่จังหวัดท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่มากและมีแนวโน้มที่จะสร้างรายได้ในระยะยาว%

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1182682&ct=ga&cd=CAIyHDI4ODcxZTExZDQzMWVlYzA6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2lfk3BFOgASXzEgBvPj69g

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *