วันนี้ (9 มิถุนายน 2568) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผย ภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี 2568 ว่า เด็กจบใหม่อาจเสี่ยงต่อการตกงานสูง โดยผลการสำรวจผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล ในสหรัฐอเมริกา ของ Hult International Business School ร่วมกับ Workplace Intelligence พบว่า ผู้บริหาร กว่าร้อยละ 89 มีแนวโน้มที่จะเลี่ยงการจ้างงานบัณฑิตจบใหม่
ทั้งนี้จากผลสำรวจมากกว่าครึ่งมองว่า
- เด็กจบใหม่ยังขาดประสบการณ์ ในโลกแห่งความเป็นจริง (ร้อยละ 60)
- ไม่มีทักษะที่เหมาะสม (ร้อยละ 51)
- ขาดทักษะการทำงานเป็นทีม (ร้อยละ 55)
- มีมารยาททางธุรกิจที่ไม่ดีนัก (ร้อยละ 50)
โดยนายจ้างเลือกที่จะจ้างฟรีแลนซ์หรือพนักงานที่เกษียณไปแล้วทดแทน หรือปล่อยให้ตำแหน่งว่าง สอดคล้องกับมุมมองของผู้ประกอบการไทย จากข้อมูลการวิเคราะห์ประกาศรับสมัครงาน ออนไลน์ของ TDRI ที่พบว่า มีตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครเพียงร้อยละ 22.3 ที่ไม่ต้องการประสบการณ์ทำงานจากผู้สมัคร
สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับการมีทักษะและความเข้าใจในการทำงานจริง” สอดคล้อง กับอัตราการว่างงานในแรงงานกลุ่มอายุน้อยและแรงงานที่จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับ กลุ่มอื่น และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ดังนั้น เพื่อให้มีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน แรงงานจบใหม่ จึงควรเตรียมความพร้อมตนเองให้เหมาะสม ทั้งในด้านทักษะที่จำเป็นต่อสายงานและทัศนคติต่อโลกการทำงาน ขณะที่ภาคการศึกษาต้องเร่งปรับการเรียนการสอนให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด รวมถึงส่งเสริมการฝึกงาน เพื่อสร้างประสบการณ์ทำงานจริงให้แก่นักศึกษา
ขณะที่สถานการณ์แรงงานไตรมาสหนึ่ง ปี 2568 ปรับตัวลดลง โดยภาคเกษตรกรรมมีการจ้างงานลดลงต่อเนื่อง ส่วนนอกภาคเกษตรขยายตัวได้เล็กน้อย แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับความอยู่รอดของ SMEs จากการขาดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เด็กจบใหม่ที่อาจเสี่ยงตกงาน รวมถึงการสร้าง หลักประกันการถูกเลิกจ้างให้แก่แรงงาน
ทั้งนี้ไตรมาสหนึ่ง ปี 2568 ผู้มีงานทำมีจำนวนทั้งสิ้น 39.4 ล้านคน ลดลงจากไตรมาสหนึ่งของปี 2567 ร้อยละ 0.5 จากการจ้างงานในภาคเกษตรกรรมที่ลดลงอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.1 แต่นอกภาคเกษตรกรรมปรับตัวดีขึ้น เล็กน้อยที่ร้อยละ 0.5 โดยเฉพาะสาขาโรงแรม/ภัตตาคารยังคงขยายตัวได้ที่ร้อยละ 3.5 แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยว จะเริ่มลดลง
เช่นเดียวกับสาขาการขนส่ง/เก็บสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 4.5 ขณะที่การจ้างงานในสาขา การผลิตเริ่มหดตัวลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.4
นอกจากนี้ ในภาพรวมชั่วโมงการทำงานของแรงงานลดลงอยู่ที่ 40.8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยภาคเอกชนอยู่ที่ 44.0 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำหรับผู้ทำงานล่วงเวลาลดลงร้อยละ 5.0
ขณะที่ผู้ทำงานต่ำระดับลดลงร้อยละ 7.9 อัตราการว่างงานลดลง มาอยู่ที่ร้อยละ 0.88 จากไตรมาสหนึ่ง ปี 2567 ที่อยู่ที่ ร้อยละ 1.01 ซึ่งมีผู้ว่างงานประมาณ 3.6 แสนคน ลดลงในกลุ่มที่จบการศึกษาระดับมัธยมปลายหรือต่ำกว่า
เช่นเดียวกับผู้ว่างงานระยะยาวที่ลดลงร้อยละ 14.3 หรือมีจำนวน 6.8 หมื่นคน โดยกลุ่มผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงาน มาก่อนกว่าร้อยละ 74.3 ว่างงานเพราะหางานไม่ได้ ทั้งนี้ ผู้เสมือนว่างงานมีจำนวนกว่า 4.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก ปีก่อนถึงร้อยละ 14.6
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thansettakij.com/economy/629512&ct=ga&cd=CAIyHDI4ODcxZTExZDQzMWVlYzA6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw1Y7mPktUlr8Owi2I28paUy