สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ว่านายอี แจ-มยอง เกิดเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2507 ในเมืองอันดง ของจังหวัดคย็องซังเหนือ เกิดในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะดีนัก จึงต้องทำงานหนักในโรงงานตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เพื่อช่วยหารายได้จุนเจือครอบครัว ซึ่งทำให้นายอี แจ-มยอง ไม่ได้ศึกษาในระบบการศึกษาปกติ
อย่างไรก็ตาม นายอี แจ-มยอง สามารถสอบเทียบได้จนจบระดับมัธยมศึกษา และได้รับทุนการศึกษาให้เข้าศึกษาต่อ จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจุงอัง หนึ่งในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของเอกชนที่มีขื่อเสียงระดับประเทศ
เมื่อสอบผ่านเนติบัณฑิต นายอี แจ-มยอง ทำงานเป็นทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และเข้าสู่เส้นทางการเมืองเมื่อปี 2548 ด้วยการเป็นสมาชิกพรรคยูริ และเป็นตัวแทนพรรค ลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองซ็องนัม ในจังหวัดคย็องกี เมื่อปี 2549 แต่ยังไม่ได้รับการเลือกตั้ง แล้วได้รับการเลือกตั้งในที่สุด เมื่อลงสมัครชิงตำแหน่งเดิม ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2553 และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดคย็องกี เมื่อปี 2561
เกี่ยวกับแนวคิดทางการเมือง นายอี แจ-มยอง เน้นในเรื่อง “เศรษฐกิจเพื่อประชาชน” ไม่ว่าจะเป็น การจ้างงาน การสร้างที่อยู่อาศัย และสวัสดิการสังคม ขณะเดียวกัน นายอี แจ-มยอง ผลักดันนโยบายรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า แต่ให้มีความเป็นมิตรกับภาคธุรกิจด้วย
ในด้านการต่างประเทศ นายอี แจ-มยอง สนับสนุนการส่งเสริมความร่วมมือกับสหรัฐและญี่ปุ่น แต่ในเวลาเดียวกัน ต้องไม่ปิดกั้นการมีความร่วมมือกับรัสเซียและจีน ตลอดจนการสื่อสารกับเกาหลีเหนือด้วย

ทั้งนี้ นายอี แจ-มยอง เป็นหนึ่งในนักการเมืองซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมระดับสูงในเกาหลีใต้ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2565 นายอี แจ-มยอง ซึ่งลงสมัครในนามตัวแทนพรรคประชาธิปไตย ( ดีพี ) พ่ายแพ้ใหักับนายยุน ซอก-ยอล จากพรรคพลังประชาชน ( พีพี ) ด้วยคะแนนเสียงเฉียดฉิว 47.83% ต่อ 48.56% หรือ 16,147,738 คะแนน ต่อ 16,394,815 คะแนน ต่างกันเพียง 247,077 คะแนน
อย่างไรก็ตาม นายอี แจ-มยอง เผชิญกับความท้าทายและข้อกล่าวหาทางกฎหมายหลายอย่าง รวมถึงการทุจริตและใช้อำนาจมิชอบ อีกทั้งยังเคยเกือบถูกลอบสังหาร โดยถูกชายวัย 66 ปี ใช้มีดแทงเข้าที่ลำคอ ระหว่างการลงพื้นที่เมืองปูซาน เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2567 การที่ผู้ต้องหาให้การว่า ก่อเหตุเพราะ “ไม่อยากให้นายอี แจ-มย็อง ได้เป็นประธานาธิบดี” บ่งชี้ความตึงเครียดและการแบ่งขั้วทางการเมืองของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องที่ทุกภาคส่วนให้ความเห็นตรงกันว่า ต้องมีการประนีประนอมร่วมกัน.
เครดิตภาพ : AFP
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.dailynews.co.th/news/4776312/&ct=ga&cd=CAIyHDI4ODcxZTExZDQzMWVlYzA6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2d5d1kMb_7NPrHCqnZvGUz