อาการแพ้ท้องรุนแรง เป็นอันตรายต่อลูกน้อยและว่าที่คุณแม่อย่างไรบ้าง ?

Pensive pregnant woman sitting on bed at home

ที่มาของภาพ, Getty

คำบรรยายภาพ, ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การวินิจฉัยอาการแพ้ท้องรุนแรง (hyperemesis gravidarum) นั้นค่อนข้างยาก เนื่องจากอาการมักจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับอาการระหว่างการตั้งครรภ์ปกติของผู้หญิง
  • Author, เจลิลัต โอลาเวล
  • Role, บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส

“ฉันได้แต่ภาวนาให้ลูกคนนี้รอด แต่เมื่อฉันดิ่งถึงจุดต่ำสุด ฉันก็แค่อยากให้มันจบลง”

เมื่อ คริสตาเบล วูเบ จากรัฐออนแทรีโอของแคนาดาค้นพบว่าเธอตั้งครรภ์เป็นครั้งแรก เธอรู้สึกดีใจมาก เป็นเวลาหลายปีที่คริสตาเบลวัย 30 ปี อธิษฐานขอให้มีลูก แต่ไม่นานความสุขของเธอก็กลับกลายเป็นความสิ้นหวัง

ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ความตื่นเต้นในการตั้งครรภ์ครั้งนี้ก็กลายเป็นการต่อสู้อย่างหนักกับสุขภาพของเธอเอง คริสตาเบลเริ่มมีอาการคลื่นไส้อย่างรุนแรงและอาเจียนไม่หยุด แม้แต่กลิ่นอาหารก็กระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้ ไม่นานนักเธอก็เริ่มกลัวที่จะจิบน้ำเพราะกลัวว่าจะอาเจียนไม่หยุด

อาการต่าง ๆ ที่เธอเป็นไม่ใช่แค่อาการแพ้ท้องเท่านั้น ทั้งนี้ การแพ้ท้องมักเกิดขึ้นในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ โดยปกติจะอยู่ระหว่างสัปดาห์ที่ 6 ถึงสัปดาห์ที่ 14 เมื่อระดับฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนเอชซีจี (human chorionic gonadotropin – hCG) และเอสโตรเจนพุ่งสูงขึ้น แต่อาการของคริสตาเบลร้ายแรงกว่านั้นมาก

ในที่สุดเธอก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นอาการแพ้ท้องรุนแรง (hyperemesis gravidarum) ซึ่งเป็นอาการป่วยร้ายแรงที่สามารถคงอยู่ได้ตลอดระยะเวลาตั้งครรภ์ 39 สัปดาห์ ส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำและขาดสารอาหาร

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and continue reading

ได้รับความนิยมสูงสุด

  • .

  • Yurong Luanna Jiang, dressed in a black and red top with strings of pearls and what appear to be shoulder decorations in gold, looks emotional as she delivers the Graduate English Address during Harvard University's 374th Commencement on 29 May

  • น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลง 7 ฉบับ ในวาระ 75 ปีความสัมพันธ์ไทย - กัมพูชา เมื่อ 23 เม.ย. 2568

  • รทสช.

End of ได้รับความนิยมสูงสุด

Image of Catherine Middleton, the Princess of Wales smiling while holding her fingers

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, แคเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ได้ตรัสต่อสาธารณะเกี่ยวกับการต่อสู้กับอาการแพ้ท้องรุนแรงว่า พระองค์ทรง “ไม่ใช่หญิงตั้งครรภ์ที่มีความสุขที่สุด”

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภาวะแพ้ท้องรุนแรงได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยมีบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น แคเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ที่เคยทรงร่วมแบ่งปันประสบการณ์ของพระองค์เองในระหว่างทรงพระครรภ์ทั้ง 3 ครั้ง

จากข้อมูลของสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Service – NHS) ของสหราชอาณาจักร คาดว่าภาวะดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ 1-3 รายในทุก ๆ 100 รายในสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเชื่อว่าโรคนี้ไม่ได้รับการรายงานมากนัก ทำให้ยากต่อการทราบขอบเขตที่แท้จริงของผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงทั่วโลก

“ฉันรู้สึกหิวโหย รู้สึกเจ็บปวด แต่ก็กินอะไรไม่ได้” คริสตาเบลกล่าว “ฉันดื่มอะไรไม่ได้เลยเพราะกลัวจะอาเจียน”

เธอบอกว่า ความเครียดต่อสุขภาพจิตของเธอนั้นรุนแรง จนทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มีใครเข้าใจ

A black and white image of a pregnant woman

ที่มาของภาพ, Christabel

คำบรรยายภาพ, ภาวะแพ้ท้องรุนแรงสามารถเกิดขึ้นได้ตลอด 39 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ นั่นจึงนำไปสู่การเกิดภาวะขาดน้ำและทุพโภชนาการ

ความท้าทายในการวินิจฉัยภาวะแพ้ท้องรุนแรงคืออะไร

ในหลายพื้นที่ในโลก การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่จำกัดทำให้ผู้ที่มีภาวะแพ้ท้องรุนแรงมักไม่ได้รับการวินิจฉัย ผู้หญิงบางคนต้องเผชิญกับการตีตราทางสังคมและวัฒนธรรม โดยมองว่าอาการแพ้ท้องที่รุนแรงนั้น เป็นความอ่อนแอหรือไม่ก็เป็นการสำออยเกินจริง

เนนเย คุณแม่มือใหม่ที่อาศัยอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ในกรุงอาบูจา ของไนจีเรีย ก็ต้องเผชิญกับความรุนแรงของอาการแพ้ท้องนี้เช่นกัน

เธอคาดว่าจะมีเพียงอาการคลื่นไส้และอ่อนล้า แต่กลับต้องเผชิญกับการอาเจียนไม่หยุด ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง และต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยครั้ง ในที่สุดเธอต้องได้รับอาหารเหลวทางเส้นเลือด

“ฉันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอาการแพ้ท้องรุนแรงมาก่อน” เนนเย กล่าว

เช่นเดียวกับคุณแม่มือใหม่หลาย ๆ คน ในตอนแรกเธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าอาการของเธอจะย่ำแย่ลง แต่ก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จะรู้ว่ามันคืออาการแพ้ท้องรุนแรง

“ที่ปรึกษาทางการแพทย์เหล่านั้นบอกว่ามันเป็นเพียงอาการแพ้ท้องธรรมดาเท่านั้น” เธอย้อนเล่า

แต่เนนเยรู้ว่า สถานการณ์ของเธอไม่ปกติ แม้จะตั้งครรภ์ได้ 5 เดือนแล้ว เธอก็ยังคงอาเจียนอย่างรุนแรงเป็นประจำ เธอบอกว่า ทีมแพทย์เพิ่งเข้ามารักษาเมื่อเธอเริ่มอาเจียนเป็นเลือด

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การวินิจฉัยภาวะแพ้ท้องรุนแรงเป็นเรื่องที่ยากเป็นพิเศษ เนื่องจากอาการมักจะทับซ้อนกับอาการที่พบได้ในการตั้งครรภ์ทั่วไป

ดร.นคิรูกา อูเช-นวิดากู สูตินรีแพทย์จากศูนย์โรคริดสีดวงทวารแห่งชาติในเมืองเอโบนี ประเทศไนจีเรีย เตือนผู้คนว่าไม่ควรละเลยภาวะแพ้ท้องรุนแรงเพราะอาจส่งผลร้ายแรงได้

“อาการแพ้ท้องทั่วไปอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียน แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังคงสามารถทำกิจกรรมประจำวันและรับประทานอาหารได้ตามปกติ” ดร.อูเช-นวิดากู อธิบาย

“ในทางกลับกัน ภาวะแพ้ท้องรุนแรงจะทำให้ร่างกายทรุดโทรม ทำให้ไม่สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้”

เธอเตือนว่า “มันอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพที่ร้ายแรง รวมถึงภาวะไม่สมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย ซึ่งอาจดูไม่น่าตกใจในตอนแรก แต่สามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะอย่างรุนแรงได้” เธออธิบาย

ดร.อเดนิยี อาคิเซคุ สูติแพทย์และนรีแพทย์และนักการศึกษาด้านการแพทย์ที่บริษัท PBR Life Sciences ในกรุงลอนดอนของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า ภาวะแพ้ท้องรุนแรงอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้ด้วย

“หากผู้เป็นแม่ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ทารกจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ส่งผลให้ทารกมีน้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์ ทารกอาจมีขนาดลำตัวเล็กเมื่อเทียบกับอายุครรภ์ และอาจคลอดก่อนกำหนดได้”

Image of a woman dressed in black looking up

ที่มาของภาพ, Nenye

คำบรรยายภาพ, เนนเยต้องทนทุกข์ทรมานทางร่างกายและจิตใจเป็นเวลานานหลายเดือน และแม้กระทั่งหลังจากคลอดบุตร ผลของภาวะแพ้ท้องรุนแรงก็ยังคงอยู่

ภาวะแพ้ท้องรุนแรงเกี่ยวกับพันธุกรรมหรือไม่ ?

การศึกษาจนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่ามีเชื่อมโยงระหว่างอาการแพ้ท้องรุนแรง กับความผิดปกติแต่กำเนิด อย่างไรก็ตาม ดร.มาร์เลนา เฟจโซ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า มีหลักฐานที่หนักแน่นว่ารูปแบบทางพันธุกรรมของอาการแพ้ท้องรุนแรงนั้นบ่งชี้ถึงความเชื่อมโยงกับพันธุกรรม

“ยกตัวอย่างเช่น เราพบว่ามีความเสี่ยงที่จะมีภาวะแพ้ท้องรุนแรงเพิ่มขึ้น 17 เท่า หากน้องสาวหรือพี่สาวของคุณมีภาวะดังกล่าว โดยมีส่วนประกอบทางพันธุกรรมเป็นปัจจัยสนับสนุน” เธอกล่าว

ดร.เฟจโซ เสริมว่าผู้หญิงที่เป็นอาการแพ้ท้องรุนแรงจะมีระดับฮอร์โมน GDF15 สูงขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งนี่เป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมการอักเสบ การเผาผลาญพลังงานในร่างกาย และการเจริญเติบโตของเซลล์

นอกจากนี้ ผู้หญิงเหล่านี้ยังมีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่จะมีระดับฮอร์โมน GDF15 ต่ำลงก่อนตั้งครรภ์อีกด้วย

“เราพบว่าการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนนี้ทำให้เกิดความไวต่อระดับฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นมากเกินไป จนทำให้เกิดอาการแพ้ท้องรุนแรง” เธอกล่าว

ทางเลือกในการรักษาบำบัด

Image of a pregnant woman taking IV drip

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, การศึกษาหลายฉบับยังไม่สามารถหาความเชื่อมโยงภาวะแพ้ท้องรุนแรงกับความผิดปกติแต่กำเนิดได้อย่างแน่ชัด

มีตัวยาบางชนิดที่แพทย์สามารถสั่งจ่ายให้ว่าที่คุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์ได้ รวมถึงคนที่ตั้งครรภ์ในช่วง 12 สัปดาห์แรก เพื่อช่วยบรรเทาอาการของภาวะแพ้ท้องรุนแรง ได้แก่ ยาแก้อาการคลื่นไส้ (ยาแก้อาการอาเจียน) ยากลุ่มสเตียรอยด์ หรือให้ใช้ทั้งสองอย่างร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถควบคุมอาการอาเจียนได้ ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการดังกล่าวอาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อทำให้ร่างกายได้รับน้ำและสารอาหารเพียงพอง ซึ่งมักจะให้ทางเส้นเลือด

ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่บีบีซีสัมภาษณ์กล่าวว่า ผู้ป่วยภาวะดังกล่าวอาจต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขภาวะแทรกซ้อน เช่น ความไม่สมดุลของของแร่ธาตุในร่างกาย

นอกจากนี้ การได้รับการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยผลกระทบทางจิตใจจากภาวะแพ้ท้องรุนแรงอาจคงอยู่ต่อไปอีกนานแม้กระทั้งหลังจากคลอดไปแล้ว

ตามที่ ดร.อาคิเซคุ กล่าว ในกรณีผู้ป่วยภาวะแพ้ท้องรุนแรงมาก อาจนำไปสู่ผลกระทบทางจิตใจไปอีกนาน เช่น ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า

เนนเยบอกว่า เธอต้องทนทุกข์ทรมานทางร่างกายและจิตใจเป็นเวลานานหลายเดือน และแม้กระทั่งหลังจากคลอดบุตรแล้ว ผลกระทบของภาวะแพ้ท้องรุนแรงก็ยังคงอยู่

เธออธิบายว่า “ฉันดูไม่เหมือนตัวเองเลย ผู้คนต่างถามว่า ทำไมผิวของฉันถึงดูซีดมาก ผลกระทบจากภาวะแพ้ท้องรุนแรงทำให้ฉันหมดแรงไปเลย”

เธอเสริมว่า “ฉันคิดว่า การอยู่อย่างโดดเดี่ยวก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดในภายหลัง”

สำหรับกรณีที่รุนแรงอาจต้องได้รับการบำบัดเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนทางจิตใจ เพื่อช่วยให้ผู้หญิงสามารถรับมือกับผลกระทบระยะยาวของภาวะดังกล่าวได้

ดร.อูเช-นวิดากู เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มความตระหนักรู้ เนื่องจากมักไม่มีใครรู้จักกับภาวะแพ้ท้องรุนแรง ซึ่งหมายความว่าผู้หญิงจำนวนมากต้องทนทุกข์ทรมานโดยไม่ได้บอกใคร

การรับการรักษาอย่างทันท่วงทีเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการภาวะดังกล่าวและป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ร้ายแรงต่อทั้งแม่และทารก นี่ไม่เพียงแต่เพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานเท่านั้น แต่ยังอาจช่วยชีวิตได้อีกด้วย