เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการยกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง มาตรฐานความปลอดภัย การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างอย่างเป็นระบบ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “งูร้าย ตึกสตง. ถล่ม เดินหน้าสร้างระเบียบใหม่
‘ปลอดประสพ’ ขอแรงหนุนล้านชื่อบี้ ‘ผู้ว่าสตง.’ มาแจงกรรมาธิการฯ หลังชิ่งหนี 4 ครั้งแล้ว
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา ผมได้เขียนFB ฟ้องประชาชนว่า ผู้ว่าการ สตง. ยื้อไม่มาให้ข้อมูลถึง 4 ครั้งติดต่อกันกับกมธ. ศึกษาการแก้ไขปัญหาตึก สตง. ถล่มเพื่อสร้างกฎหมายและกระบวนการบริหารจัดการเสียใหม่ปรากฏว่า มีผู้เข้าอ่านมากมายเกือบ 400,000 คน และให้ความเห็นอันเป็นประโยชน์ถึง 40,000 กว่าคน สรุป 100% ด่าสตง.หมด
ผมจะไม่เสียเวลารอผู้ว่าการคนนี้อีกแล้ว การประชุมในวันพุธที่ 4 มิ.ย. นี้ คณะ กมธ. จะพิจารณาข้อเสนอของศาสตราจารย์ ดร.อมรและคณะว่า ในทางวิศวกรรมและการบริหารจัดการการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ต่อไปของประเทศไทย จะต้องปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับอะไรบ้าง เพื่อให้แน่ใจว่า การออกแบบจะมีมาตรฐาน ให้ความมั่นคงและปลอดภัยแก่ประชาชน และธุรกิจอุตสาหการก่อสร้างจะมีการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม

อยากสรุปว่า เท่าที่คณะได้ศึกษามาพบว่า มีความไม่ถูกต้องเกิดขึ้นแทบทุกขั้นตอน เริ่มแต่การเลือกที่ และการเปลี่ยนสถานที่ก่อสร้าง การออกแบบที่ซ้ำซ้อนถึงสองครั้ง มีการควบคุมการก่อสร้างที่หละหลวม มีการเปลี่ยนแปลงแบบที่ขัดกับหลักวิชาการหลายครั้ง มีการใช้วัสดุต่ำกว่ามาตรฐาน มีการใช้งบประมาณอย่างฟุ่มเฟือยเกินเหตุผล มีการฮั้ว และที่สำคัญที่สุดคือ ทั้งเอกชนและข้าราชการเชื่อได้ว่า ได้ร่วมมือกันทำความชั่วคือการทุจริตอย่างแน่นอน การจับกุมดำเนินคดีจะค่อยๆ ทำไปตามขั้นตอน ผู้กระทำความผิดจะถูกลงโทษแน่นอน
สำหรับผู้บริหารของ สตง. ก็อย่าได้ลำพองใจ กมธ. จะทำเรื่องไปยังคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.) ซึ่งเป็นนายของท่าน ให้พิจารณาส่งตัวพวกท่านทั้งหลายมาเปิดเผยความจริงให้พวกเราฟัง คุณหนีพวกผมไปไม่พ้นหรอก เพราะประชาชนเจ้าของประเทศเขาไม่ยอม”
ขอบคุณข้อมูล-ภาพ เพจ “ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี”
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.dailynews.co.th/news/4761087/&ct=ga&cd=CAIyHDI4ODcxZTExZDQzMWVlYzA6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw37O44I82z7JbM6V3QGPKGs
Leave a Reply