
วันที่ 4 มิถุนายน 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) พร้อมด้วย นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ.) เข้าร่วมการประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 18/2568 โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานการประชุมฯ พร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ข้าราชการการเมือง ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารหน่วยงานใน ศธ. และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ และออนไลน์ผ่านระบบ Zoom meeting
.
พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีการสรุปผลความก้าวหน้าการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา PISA ในส่วนของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รายงานความคืบหน้าโครงการ “โรงเรียนพี่เลี้ยงคู่พัฒนา” เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาตามมาตรฐาน PISA โดยมีโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย (จภ.) ใน 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย มุกดาหาร บุรีรัมย์ ปทุมธานี และตรัง ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับโรงเรียนในพื้นที่ที่ยังขาดแคลนครูหรือมีครูไม่ตรงเอก ทั้งระดับประถม ขยายโอกาส และมัธยมศึกษา ปัจจุบันดำเนินการแล้ว 87 เขตพื้นที่ ครอบคลุม 187 โรงเรียน โดยกิจกรรมดังกล่าวช่วยส่งเสริมด้านการบริหารจัดการหลักสูตร เทคนิคการสอนที่เน้นความฉลาดรู้ของผู้เรียน การฝึกอบรมระบบ Computer Based Test การใช้ทรัพยากรและบุคลากรร่วมกัน การบริหารคุณภาพห้องเรียน และการจัดการเรียนรู้แบบสื่อสารสองทาง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ สพฐ. มีแผนขยายผลโครงการดังกล่าวให้ครอบคลุม 246 เขตพื้นที่ รวม 29,082 โรงเรียนทั่วประเทศ พร้อมเน้นพัฒนาทักษะการอ่าน จับใจความ การตีความ และการประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ โดยจะมีการประเมินผลระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน 2568 และในปีการศึกษา 2568 จะเน้นพัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา เพื่อบรรลุเป้าหมาย “เด็กไทยฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ”
.
ขณะเดียวกัน สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) รายงานภาพรวมสถานะการศึกษาไทยในระดับสากล โดยพบว่าผลการประเมิน IQ ของประชากรไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สะท้อนทิศทางเชิงบวกของระบบการศึกษา และเมื่อเปรียบเทียบ 5 มิติหลัก ได้แก่ คุณภาพผู้เรียน การเข้าถึง ความเท่าเทียม ประสิทธิภาพ และการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง พบว่าประเทศไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้นใน 3 ด้าน คือการเข้าถึง ความเท่าเทียม และการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม มิติด้านคุณภาพการศึกษายังไม่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และด้านประสิทธิภาพยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับงบประมาณที่ใช้ ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนาอย่างเป็นระบบ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้สามารถแข่งขันในระดับสากลได้อย่างยั่งยืน
.
“ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้โรงเรียนนานาชาติมีอัตราการเติบโตด้านคุณภาพการศึกษาสูงขึ้น ว่าเป็นผลมาจากนักเรียนไทยหรือนักเรียนต่างชาติ พร้อมกันนี้ ได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตรวจสอบข้อมูลการโยกย้ายและหมุนเวียนของนักเรียนในระบบ ว่ามีแนวโน้มที่นักเรียนจากโรงเรียนในระบบของไทยย้ายไปเรียนยังโรงเรียนนานาชาติ หรือเป็นการเคลื่อนย้ายในทิศทางตรงกันข้าม หากผลการวิเคราะห์ชี้ว่าคุณภาพที่เพิ่มขึ้นของโรงเรียนนานาชาติเป็นผลจากการที่นักเรียนไทยเข้าเรียนเพิ่มขึ้น ก็จะเป็นหลักฐานสำคัญที่สะท้อนว่า โรงเรียนในสังกัด สพฐ. มีศักยภาพในการพัฒนาเด็กไทยให้มีคุณภาพและมาตรฐานสูง ผู้ปกครองจึงสามารถมั่นใจและไว้วางใจในการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐได้” รมว.ศธ. กล่าว
.
ข้อมูล : กลุ่มประชาสัมพันธ์ สร.ศธ.















———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.obec.go.th/1083466&ct=ga&cd=CAIyHDI4ODcxZTExZDQzMWVlYzA6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3Lv_9kPh-92gkBIMDxzvNl