ย้อนชีวิต “เฉียน เสวียเซิน” จากนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนที่ถูกสหรัฐฯ เนรเทศ สู่บิดาแห่งโครงการขีปนาวุธจีน

Qian produced fundamental research on rocket propulsion.

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, เฉียนทำงานวิจัยพื้นฐานเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนจรวด

พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้ ของจีน ได้รวบรวมสิ่งประดิษฐ์กว่า 70,000 ชิ้น เพื่ออุทิศให้กับ เฉียน เสวียเซิน ชายที่ถูกขนามนามว่าเป็น “นักวิทยาศาสตร์ของประชาชน”

เฉียน คือ บิดาแห่งโครงการขีปนาวุธและอวกาศของจีน โดยงานวิจัยของเขาได้ช่วยพัฒนาจรวจที่ยิงดาวเทียมดวงแรกของจีนขึ้นสู่อวกาศ รวมถึงพัฒนาขีปนาวุธที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของคลังอาวุธนิวเคลียร์ โดยเขาได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของชาติ

แต่เมื่อครั้งที่เขาพำนักอยู่ที่ประเทศมหาอำนาจอีกประเทศหนึ่งอย่างสหรัฐอเมริกาซึ่งเขาใช้เป็นที่ศึกษาและทำงานเป็นระยะเวลานานกว่าทศวรรษ ผลงานชิ้นสำคัญของเขากลับไม่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกจดจำ

ทั้งนี้ เรื่องราวของเฉียง ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้งในสัปดาห์นี้ผ่านสื่อสำนักต่าง ๆ เช่น นิวยอร์กไทมส์ (New York Times) ท่ามกลางกระแสนโยบายเนรเทศผู้อพยพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ

โดยเฉพาะหลังจาก มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่า รัฐบาลจะเริ่ม “เพิกถอนวีซ่า” ของนักศึกษาจีนอย่าง “เข้มงวด” รวมถึงผู้ที่มีความเกี่ยวพันกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนหรือผู้ที่กำลังศึกษาในสาขาที่สำคัญ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and continue reading

ได้รับความนิยมสูงสุด

  • .

  • น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลง 7 ฉบับ ในวาระ 75 ปีความสัมพันธ์ไทย - กัมพูชา เมื่อ 23 เม.ย. 2568

  • .

  • A satellite image showing damaged Russian planes on a runway. Three damaged jets are circled in the photo, which is imposed over the BBC Verify colours and accompanied by the BBC Verify logo in the top left corner.

End of ได้รับความนิยมสูงสุด

ชีวิตช่วงต้นของ เฉียน เสวียเซิน

เฉียน เกิดในปี 1911 ซึ่งเป็นช่วงที่ราชวงศ์สุดท้ายของจีนกำลังจะถูกแทนที่ด้วยระบอบสาธารณรัฐ

บิดาและมารดาของเฉียนเป็นผู้มีการศึกษาที่ดี โดยบิดาของเฉียนได้ก่อตั้งระบบการศึกษาระดับชาติของจีน หลังจากได้ทำงานในประเทศญี่ปุ่น

นอกจากนี้ พรสวรรค์ของเฉียง ก็เป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่วัยเยาว์ โดยเขาจบการศึกษาด้วยคะแนนสูงสุดในชั้นเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทง (Shanghai Jiao Tong) และได้ทุนการศึกษาที่ไม่ได้มีบ่อยนักเพื่อศึกษาต่อที่ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ในสหรัฐอเมริกา โดยในปี 1935 ชายหนุ่มรูปร่างเพรียวบางและแต่งตัวเรียบร้อยรายนี้ ก็ได้เดินทางมาถึงเมืองบอสตัน

คริส เจสเปอร์สัน ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยนอร์ทจอร์เจีย (North Georgia) กล่าวว่า เฉียน อาจเคยพบเจอกับความเกลียดชังชาวต่างชาติและการเหยียดเชื้อชาติ แต่เขายังมี “ความหวังและความเชื่อว่าจีน [กำลัง] เปลี่ยนแปลงรากฐานไปในทิศทางที่สำคัญอย่างยิ่ง” และท้ายที่สุด เขาก็จะได้อยู่ท่ามกลางผู้คนที่นับถือความรู้ความสามารถของเขา

เฉียน เป็นเด็กมีพรสวรรค์ และเขาได้รับทุนการศึกษาที่ไม่ได้มีบ่อยนักเพื่อไปศึกษาต่อที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ในสหรัฐอเมริกา

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, เฉียน เป็นเด็กมีพรสวรรค์ และเขาได้รับทุนการศึกษาที่ไม่ได้มีบ่อยนักเพื่อไปศึกษาต่อที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ในสหรัฐอเมริกา

หลังจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) เฉียน ได้ย้ายไปที่สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (California Institute of Technology – CalTech) เพื่อรับการศึกษาจากวิศวกรด้านการบินที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้นและผู้ลี้ภัยชาวฮังการี ซึ่งคือ ธีโอดอร์ ฟอน คาร์แมน

ขณะที่ศึกษาอยู่ที่สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย เฉียนใช้ห้องทำงานร่วมกันกับนักวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงอีกรายหนึ่ง คือ แฟรงก์ มาลินา ซึ่งเป็นสมาชิกสำคัญของกลุ่มนักคิดค้นขนาดเล็ก วึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ “Suicide Squad” (แปลเป็นไทยว่า ทีมพลีชีพ)

โดยชื่อกลุ่มนี้ก็มาจากการที่นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้พยายามที่จะสร้างจรวดในมหาวิทยาลัย โดยการทดลองบางอย่างของพวกเขาที่ต้องใช้ส่วนผสมของสารระเหยได้เกิดการผิดพลาดอย่างร้ายแรง แม้ เฟรเซอร์ แมคโดนัลด์ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Escape from Earth: A Secret History of the Space Rocket (แปลเป็นไทยว่า หลบหนีจากดาวโลก: ประวัติศาสตร์ที่เป็นความลับของจรวจอวกาศ) จะระบุว่า ไม่มีใครเสียชีวิตจากการทดลองดังกล่าวก็ตาม

ในวันหนึ่ง เฉียน ได้เข้าร่วมวงสนทนาเกี่ยวกับปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนกับมาลินา และสมาชิกคนอื่น ๆ ของกลุ่มดังกล่าว โดยไม่นานหลังจากนั้นเขาก็กลายมาเป็นส่วนสำคัญของกลุ่มนี้ และเฉียน ก็ได้ร่วมสร้างงานวิจัยที่สำคัญเกี่ยวกับการขับเคลื่อนจรวด

ในเวลานั้น วิทยาศาสตร์ด้านจรวดเป็นเรื่องของ “คนบ้าและคนเพ้อฝัน” แมคโดนัลด์ ระบุ พร้อมเสริมด้วยว่า “ไม่มีใครเอาจริงเอาจังกับมัน ไม่มีวิศวกรที่มีความรู้ทางคณิตศาสตร์คนไหนที่จะเสี่ยงทำลายชื่อเสียงของตัวเองด้วยการพูดว่า วิทยาศาสตร์ด้านจรวดคืออนาคต” แต่สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น

ฝูงบินในสงคราม

ในเวลานั้น ทีม “Suicide Squad” ก็ได้ดึงดูดความสนใจจากกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งจ่ายเงินให้กับการวิจัยเกี่ยวกับการขึ้นบินโดยใช้เครื่องบินเจ็ท โดยการติดบูสเตอร์ไว้ที่ปีกเครื่องบินเพื่อให้สามารถขึ้นบินได้จากรันเวย์สั้น ๆ

เงินทุนของกองทัพยังช่วยก่อตั้งห้องปฏิบัติการแรงขับเคลื่อนไอพ่น (Jet Propulsion Lab – JPL) ในปี 1943 ภายใต้การนำของ ธีโอดอร์ ฟอน คาร์แมน โดย เฉียน และแฟรงก์ มาลินา ก็กลายมาเป็นหัวใจของโครงการนี้

Dr William Pickering, Dr Theodore von Kármán and Dr Frank J Malina pose for a photo in 1960

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, ภาพถ่ายของ ดร.วิลเลียม พิกเคอริง, ดร.ธีโอดอร์ ฟอน คาร์แมน และ ดร.แฟรงก์ เจ มาลินา เมื่อปี ค.ศ. 1960

ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง เฉียนได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขับเคลื่อนด้วยไอพ่นชั้นนำของโลกคนหนึ่ง และถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจพิเศษกับธีโอดอร์ ฟอน คาร์แมน ในเยอรมนี โดยพวกเขาได้รับยศเป็นพันโทชั่วคราว ซึ่งเป้าหมายของภารกิจคือการสัมภาษณ์กับวิศวกรนาซี รวมถึงแวร์นเฮอร์ ฟอน บราวน์ นักวิทยาศาสตร์ด้านจรวดชั้นนำของเยอรมนี โดยสหรัฐฯ ต้องการที่จะทราบว่าชาวเยอรมันรู้เรื่องวิทยาศาสตร์จรวดมากเพียงใด

แต่เมื่อสิ้นสุดทศวรรษ อาชีพการงานที่รุ่งโรจน์ของเฉียน ในสหรัฐฯ ก็หยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน และชีวิตของเขาที่นั่นก็เริ่มพลิกผันไป

ประเทศจีนได้ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949 โดยประธานเหมา และในไม่ช้า ชาวสหรัฐฯ ก็เริ่มมองชาวจีนว่าเป็น “ปีศาจ” คริส เจสเปอร์เซนกล่าว และเสริมว่า “เราจึงผ่านช่วงเวลาดังกล่าวในสหรัฐฯ ที่เราลุ่มหลงประเทศจีน โดยเมื่อเกิดบางอย่างขึ้นเราก็ด่าจีน”

ขณะที่ ผู้อำนวยการคนใหม่ของห้องปฏิบัติการแรงขับเคลื่อนไอพ่น เชื่อว่ามีเครือข่ายสายลับในห้องปฏิบัติการ และได้แจ้งข้อสงสัยของเขากับเจ้าหน้าที่ของเอฟบีไอ

“ผมสังเกตว่าพวกเขา[สายลับ]ทั้งหมดเป็นชาวจีนหรือไม่ก็ชาวยิว” เฟรเซอร์ แมคโดนัลด์กล่าว

Mao proclaiming the establishment of the People's Republic of China on October 1, 1949

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, ประธานเหมา ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 1949

ขณะนั้น สงครามเย็นกำลังเริ่มก่อตัว และการล่าแม่มดเพื่อต่อต้านแนวคิดคอมมิวนิสต์ในยุคแม็กคาร์ธี ก็เริ่มคืบคลานเข้ามา ในบรรยากาศเช่นนี้เองที่เอฟบีไอได้กล่าวหาเฉียน และแฟรงก์ มาลินา รวมถึงคนอื่น ๆ ว่า พวกเขาเป็นคอมมิวนิสต์และเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ

ข้อกล่าวหาต่อเฉียน ถูกอ้างอิงมาจากเอกสารของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหรัฐอเมริกาในปี 1938 ซึ่งระบุว่า เขาได้เข้าร่วมงานสังสรรค์ที่เอฟบีไอสงสัยว่า เป็นการประชุมของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งพาซาดีนา (Pasadena Communist Party) แม้เฉียนจะปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่งานศึกษาชิ้นใหม่ชี้ว่า เขาได้เข้าร่วมพร้อมกับแฟรงก์ มาลินาในปี 1938

แต่สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าเฉียนเชื่อในลัทธิมาร์กซ์ (Marxism) เสมอไป เนื่องจากการเข้าเป็นสมาชิกคอมมิวนิสต์ในช่วงเวลานั้นเป็นการแสดงออกถึงการต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ เฟรเซอร์ แมคโดนัลด์ กล่าว

โดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ดังกล่าวต้องการเน้นย้ำถึงภัยคุกคามของลัทธิฟาสซิสต์ เช่นเดียวกับความน่ากลัวของการเหยียดเชื้อชาติในสหรัฐอเมริกา โดยพวกเขากำลังรณรงค์ต่อต้านการแบ่งแยกสระว่ายน้ำในท้องถิ่นพาซาดีนา และใช้การประชุมของคอมมิวนิสต์เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้

จั่วเยว่ หวัง ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคแห่งแคลิฟอร์เนีย (California State Polytechnic University) ในเมืองโพโมนา กล่าวว่า ไม่มีหลักฐานใดที่ระบุว่า เฉียนเคยเป็นสายลับให้กับจีนหรือเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองเมื่อขณะที่เขาอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ

Qian Xuesen with his lawyer Grant Cooper at a deportation hearing in November 1950.

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, เฉียน เสวียเซิน และทนายของเขา แกรนท์ คูเปอร์ ในการพิจารณาคดีเนรเทศในเมื่อเดือน พ.ย. 1950

อย่างไรก็ตาม เฉียนถูกเพิกถอนการอนุมัติด้านความปลอดภัยและถูกกักบริเวณอยู่ในบ้าน และแม้เพื่อนร่วมงานจำนวนหนึ่งจากสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย รวมถึงธีโอดอร์ ฟอน คาร์แมน ได้เขียนจดหมายถึงรัฐบาลเพื่อยืนยันว่า เฉียนเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่นั่นก็ไร้ผล

ในปี 1955 เมื่อเฉียนถูกกักขังในบริเวณบ้านเป็นเวลา 5 ปี ประธานาธิบดีสหรัฐ ไอเซนฮาวร์ จึงตัดสินใจเนรเทศเขากลับประเทศจีน นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้จึงออกเดินทางโดยเรือพร้อมกับภรรยาและลูกที่เกิดในสหรัฐฯ อีก 2 คน และบอกกับนักข่าวว่า เขาจะไม่มีวันกลับมาเหยียบย่างในอเมริกาอีกและเขาก็รักษาคำพูดนั้น

“เขาเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอเมริกา เขาได้มอบความรู้มากมายและยังสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้อีก ดังนั้น มันจึงไม่ใช่แค่ความน่าอับอายเท่านั้นแต่เป็นความรู้สึกถูกทรยศด้วย” เทียนหยู่ ฟาง นักข่าวและนักเขียนกล่าว

เฉียน เดินทางมาถึงจีนในฐานะวีรบุรุษแต่เขาก็ไม่ได้รับการยอมรับเข้าสู่พรรคคอมมิวนิสต์จีนโดนทันที เนื่องจากประวัติการทำงานของเขาก็มีจุดด่างพร้อย

Qian Xuesen never set foot in the United States again and died in 2009.

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, เฉียน เสวียเซิน ไม่กลับไปเยือนสหรัฐฯ อีกเลยหลังจากถูกเนรเทศ โดยเขาเสียชีวิตลงแล้วในปี 2009

ภรรยาของเฉียนเป็นลูกสาวขุนนางของผู้นำชาตินิยม และก่อนที่ชีวิตของเฉียนในสหรัฐฯ จะกลับตาลปัตร เขาก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขในอเมริกา โดยเขาถึงกับเริ่มก้าวแรกในการขอสัญชาติสหรัฐฯ เสียด้วยซ้ำ

โดยเมื่อเขาได้เข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี ค.ศ. 1958 เขาก็ยืดอกยอมรับมันและพยายามอยู่ฝ่ายที่ถูกต้องของระบอบการปกครองเสมอ และเขารอดพ้นจากการกวาดล้างและการปฏิวัติวัฒนธรรม อีกทั้งยังได้เดินทางสายอาชีพที่แสนจะไม่ธรรมดาต่อได้

เมื่อเขามาถึงจีน ความเข้าใจเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์จรวดมีน้อยมาก แต่ 15 ปีต่อมา เขาก็ได้กำกับดูแลการส่งดาวเทียมดวงแรกของจีนขึ้นสู่อวกาศ ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาได้ฝึกฝนนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่และงานของเขาก็ได้วางรากฐานสำหรับโครงการสำรวจดวงจันทร์ของจีนด้วย

The far side of the Moon: In 2019, the Chinese probe Chang'e-4 was the first in history to land on the far side of our satellite.

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, ด้านไกลของดวงจันทร์ในปี 2019 ยานสำรวจจีน ฉางเอ๋อ-4 (Chang’e-4 ) เป็นยานลำแรกในประวัติศาสตร์ที่ลงจอดในด้านไกลของดาวเทียม

สิ่งที่ตลกร้ายก็คือทำความรู้จัก เฉียน เสวียเซิน นักวิทยาศาสตร์ที่ถูกสหรัฐฯ เนรเทศแต่กลายมาเป็นผู้ที่ส่งจรวดจีนขึ้นสู่อวกาศที่เฉียง ช่วยพัฒนาในจีน ท้ายที่สุดถูกยิงกลับไปโจมตีสหรัฐฯ ขีปนาวุธซิลค์วอร์มของเฉียน ถูกยิงสู่อเมริกาในสงครามอ่าวเปอร์เซียเมื่อปี 1991เฟรเซอร์ แมคโดนัลด์ ระบุ และอีกครั้งในปี 2016 ในการโจมตีเรือ USS Mason โดยกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน

“นั่นเป็นวงจรที่แปลกประหลาด สหรัฐฯ ขับไล่ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ออกไป และมันย้อนกลับมาเล่นงานพวกเขา” เขาชี้ เพื่อจัดการอย่างแข่งขันกับคู่แข่งคอมมิวนิสต์ สหรัฐฯ ได้เนรเทศ “วิธีการที่คู่แข่งคอมมิวนิสต์หลักรายหนึ่งของพวกเขาสามารถพัฒนาขีปนาวุธและโครงการอวกาศของตนเองได้ และนั่นถือเป็นความผิดพลาดทางภูมิรัฐศาสตร์ครั้งใหญ่”

แดน คิมบัลล์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงทหารเรือสหรัฐฯ ซึ่งต่อมากลายเป็นหัวหน้าบริษัทขับเคลื่อนจรวด Aerojet เคยกล่าวไว้ว่า “นี่คือสิ่งที่โง่เขลาที่สุดที่ประเทศนี้เคยทำมา”