นายฐิติพงษ์ พิสิฐวุฒินันท์ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท สกิลเลน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ธุรกิจการศึกษาออนไลน์อยู่ในแนวโน้มเติบโตและเป็นเมกะเทรนด์ของโลก เนื่องจากคนต้องการ Upskill – Reskill ตัวเองในรองรับกับทักษะอนาคต และรับมือกับความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงของโลก
โดยเทรนด์สำคัญของผู้บริโภคที่เห็นชัดเจนขณะนี้ คือ การเรียนเพื่อได้ประกาศนียบัตรในรูปแบบไมโครคริเดนเชียล ที่สามารถนำไปใช้ในการขอโปรโมชันหรือเปลี่ยนสายงานได้
“ผู้บริโภค จะไม่เรียนหลักสูตรระยะยาว แต่จะเรียนเยอะขึ้น เรียนหลักสูตรที่สั้นลง และเรียนถี่ขึ้น โดยสกิลเลนมีหลักสูตรเรียนให้เลือกมากกว่า 4,000 คอร์ส ครอบคลุมแทบจะทุกเรื่องที่คนทำงานอยากรู้ ทั้งซอฟต์สกิล การเงิน การทำงาน การตลาด เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์ การเรียนออนไลน์ตอบโจทย์ความสะดวกของคน และเรามีธุรกิจหลายแขนง ทั้ง B2C ที่เป็นออนไลน์เลิร์นนิงแพลตฟอร์ม และขยายไปถึงธุรกิจ B2B ที่เข้าไปช่วยองค์กรพัฒนาพนักงาน”
นอกจากนี้ สกิลเลนยังมีปริญญาโทออนไลน์ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งตอบโจทย์คนทำงานที่อยากเปลี่ยนสายอาชีพหรือไปเลเวลต่อไป แต่ไม่สามารถลาออกจากงานไปเรียนได้ สามารถเรียนออนไลน์แบบ self-paced ได้ เรียนตอน 4 ทุ่มก็ได้ เก็บเครดิตออนไลน์จนครบเทอมสุดท้าย ค่อยไปเรียน intensive ที่ธรรมศาสตร์แค่เทอมเดียว ก็ได้ปริญญาโท”
สกิลเลน จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ผลิตวิดีโอการสอน แต่เป็นผู้ให้บริการระบบการเรียนรู้แบบครบวงจร ปัจจุบันมีโมเดลธุรกิจ 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ การให้บริการแพลตฟอร์ม B2B แก่องค์กร การจำหน่ายคอร์สออนไลน์ในลักษณะ B2C การให้บริการหลักสูตรปริญญาโทออนไลน์ร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ และธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการศึกษาและพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ เกื้อหนุนกันและสร้างการเติบโตแบบยั่งยืน
โดยสัดส่วนรายได้ล่าสุดมาจากกลุ่ม B2B ประมาณ 39% รองลงมาคือ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมการศึกษา 30% B2C อยู่ที่ 20% และปริญญาโทออนไลน์ 9% ซึ่งปริญญาโทออนไลน์ เติบโตเร็วสุด ด้วยพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเรียนเพื่อยกระดับทักษะ แต่ไม่มีเวลาลาออกจากงานไปเรียนแบบเดิมอีกต่อไป
สิ่งที่ทำให้สกิลเลนแตกต่างจากแพลตฟอร์มการศึกษาอื่น คือการพัฒนา “AI Chatbot” ที่เชื่อมโยงกับคอร์สเรียนจริง สามารถวิเคราะห์บริบทของผู้เรียนและเนื้อหาที่เรียนอยู่เพื่อให้คำแนะนำเชิงลึกได้ทันที ตัวอย่างเช่น หากเรียนหัวข้อ Public Speaking ผู้เรียนสามารถถามว่า “จะนำไปใช้กับการพูดใน Townhall อย่างไร” ระบบจะตอบโดยอิงจาก Framework ที่สอนจริง ไม่ใช่แค่ตอบแบบทั่วไป ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เกิดการเรียนรู้แบบต่อยอดได้จริง และยกระดับจากการเป็นเพียงวิดีโอคอร์ส สู่การเป็น “ผู้ช่วยการเรียนรู้” ที่เข้าใจเส้นทางของผู้เรียนอย่างแท้จริง
“ท่ามกลางกระแส AI ที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างรวดเร็ว เชื่อว่า EdTech จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยให้คนปรับตัวทันต่อความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะสายงานที่ได้รับผลกระทบสูง เช่น โปรแกรมเมอร์ ซึ่ง AI สามารถช่วยเขียนโค้ดได้แล้วถึงระดับที่หลายองค์กรใหญ่เริ่มใช้งานจริง เช่น Meta หรือ Microsoft ซึ่งเริ่มลดการจ้าง Developer ระดับเริ่มต้น แต่หันมาใช้ AI แทน ดังนั้นคนที่จะอยู่รอดในยุคนี้ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แต่คือคนที่อัปสกิลได้เร็วที่สุด
จากข้อมูลผู้ใช้งาน แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มของการเรียนรู้เปลี่ยนไปอย่างมาก คนเลือกเรียนในรูปแบบที่สั้นลงแต่บ่อยขึ้น หลักสูตรไมโคร-เครดิตกลายเป็นที่นิยมสูง ผู้เรียนจำนวนมากต้องการประกาศนียบัตรเพื่อใช้เลื่อนตำแหน่ง หรือเปลี่ยนสายงาน มากกว่าการเรียนเพื่อจบหลัก
สูตรระยะยาวแบบดั้งเดิม สกิลเลนจึงมุ่งผลิตคอนเทนต์ที่เน้นการนำไปใช้จริง เรียนรู้ได้ภายใน 7 นาที พร้อมสรุปเนื้อหาในรูปแบบ PDF ให้สามารถนำไปใช้ได้ทันที โดยเฉพาะในกลุ่มองค์กรที่ต้องการอุดช่องว่างของทักษะในทีมงาน
อีกหนึ่งจุดแข็งของสกิลเลนคือธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการศึกษา ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเข้าไปช่วยองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนออกแบบระบบการเรียนรู้ภายใน ไม่ว่าจะเป็นการวางกลยุทธ์การเรียนรู้ การพัฒนาแพลตฟอร์ม หรือการออกแบบหลักสูตรเฉพาะทางเพื่อพนักงาน ถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่สร้างความแตกต่างและรายได้ให้บริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
ในด้านการเติบโตของรายได้ บริษัทเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 30% ต่อปี ในขณะที่อุตสาหกรรม EdTech โดยรวมโตประมาณ 20% สะท้อนถึงศักยภาพและการวางกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในจังหวะที่เหมาะสม ขณะที่แผนการเข้าจดทะเบียนในตลาด Mai นั้นถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้บริษัทสามารถยกระดับความน่าเชื่อถือ ดึงดูดบุคลากรเก่งๆ เข้าร่วมทีม รวมถึงเปิดโอกาสในการระดมทุนเพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาแพลตฟอร์ม และขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคต่อไป
“สกิลเลนจึงไม่ใช่แค่บริษัทคอร์สออนไลน์ทั่วไป แต่เป็น Tech Company สาย EdTech เต็มรูปแบบที่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นบริษัทมหาชนแห่งแรกในกลุ่ม Startup การศึกษาไทย แผนการใช้เงินทุนหลังเข้าตลาดจะเน้นการพัฒนา AI และเทคโนโลยีใหม่ๆ เสริมแพลตฟอร์ม ขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย เปิดสอนปริญญาโทออนไลน์ และเร่งธุรกิจที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมการศึกษาให้ครอบคลุมในระดับอาเซียน”
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thansettakij.com/technology/ai/628358&ct=ga&cd=CAIyHDI4ODcxZTExZDQzMWVlYzA6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw1lQvHVPzAWyNvUGKm55iyh