การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.50 เหลือร้อยละ 5.50 ต่ำสุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจของอินเดีย ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับที่ 3 ของเอเชีย เริ่มชะลอตัวในปีนี้ (2568) เป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ติดต่อกันต่อเนื่องจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกุมภาพันธ์และเมษายน โดยผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย นายซันเจย์ มาลโฮตรา (Sanjay Malhotra) กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียมีแนวโน้มต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ มีความจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภคของครัวเรือนและส่งเสริมการลงทุนของเอกชน ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่ชัดเจนในปัจจุบัน
ธนาคารกลางของอินเดีย (Reserve Bank of India : RBI) คาดการณ์ว่าผลิตผลการเกษตร เช่น ธัญพืช ประจำฤดูการเกษตรในปีนี้จะมีปริมาณมากกว่าปีที่แล้ว พร้อมคาดว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกเช่น น้ำมันดิบ ซึ่งอินเดียเป็นผู้นำเข้าสุทธิจะอ่อนลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อของอินเดียลดเหลือร้อยละ 3.16 ในเดือนเมษายนต่ำสุดในรอบ 6 ปี ปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะเอื้อให้ RBI สามารถจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำ
เศรษฐกิจของอินเดียเติบโตร้อยละ 6.5 ในปี 2567/2568 ลดลงจากร้อยละ 9.2 จากปีก่อนหน้า และ GDP ไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณออกมาดีกว่าที่คาดโดยเศรษฐกิจขยายตัว 7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ ธนาคารกลางอินเดีย กำลังวางแผนเพิ่มวงเงินการลงทุนจากบุคคลต่างชาติในบริษัทจดทะเบียนเป็นสองเท่าจาก 5% เป็น 10% เพื่อดึงดูดเงินทุนไหลเข้าให้มากขึ้น และขยายขอบเขตของกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนต่างชาติเข้าสู่ตลาดอินเดียมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันอินเดียอนุญาตให้เฉพาะชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศเท่านั้นที่ลงทุนในบริษัทจดทะเบียนได้ไม่เกิน 5% ภายใต้พระราชบัญญัติการจัดการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FEMA) และกำลังพิจารณาการลงทุนจากนักลงทุนรายบุคคลจากต่างประเทศที่จะได้รับอนุญาตให้ถือหุ้นได้ไม่เกิน 10% นอกจากนี้ ธนาคารกลางอินเดียจะเพิ่มขีดจำกัดการเป็นเจ้าของโดยรวมของนักลงทุนบุคคลต่างชาติทั้งหมดในบริษัทจดทะเบียนจาก 10% เป็น 24% อีกด้วย
นายซันเจย์ มาลโฮตรา ผู้ว่าการธนาคารกลางของอินเดียระบุว่า เศรษฐกิจอินเดียแสดง ให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง เสถียรภาพ และโอกาส แม้ก่อนหน้านี้จะมีความกังวลเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจท่ามกลางความเสี่ยงจากมาตรการภาษีจากสหรัฐฯ ทั้งนี้ การตัดสินใจลดดอกเบี้ยยังเป็นผลจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางมีพื้นที่ในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อกำหนดทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
ข้อเสนอแนะ
การประกาศนโยบายในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลกรับมือสงครามการค้า ผลกระทบนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดทางการค้าและส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตทั่วโลก โดยเฉพาะมาตรการภาษีศุลกากรที่ทรัมป์ใช้ยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อโอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และเพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ทั้งนี้ ธนาคารกลางทั่วโลกพร้อมที่จะลดต้นทุนการกู้ยืม หรือลดดอกเบี้ย เป้าหมายหลักคือเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุดโดยคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยเฉลี่ยของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วจะลดลงประมาณครึ่งเปอร์เซ็นต์ภายในสิ้นปีนี้ โดยองค์กรการค้าโลก (WTO) ได้คาดการณ์แล้วว่าการค้าระหว่างประเทศจะลดลงในปีนี้
ธนาคารกลางอินเดียจึงพร้อมปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับที่เกินความคาดหมายพร้อมทั้งลดข้อกำหนดเงินสำรองของสถาบันการเงิน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อและกิจกรรมทางเศรษฐกิจช่วยคลายความตึงเครียดของบรรยากาศการลงทุนในภาพรวมได้ นอกจากนี้ ธนาคารกลางอินเดียได้ลดอัตราสำรองเงินสดของธนาคารพาณิชย์ลง 1% จากเดิม 4% เหลือ 3% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 การดำเนินมาตรการนี้จะแบ่งออกเป็นหลายช่วงตลอดทั้งปี เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเงินทุนในระบบเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกับความท้าทายจากการชะลอตัวของการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลดลงของอัตราเงินเฟ้อและจะปลดปล่อยสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินในปริมาณ 2.5 ล้านล้านรูปี หรือเทียบเท่า 2.91 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
แหล่งข้อมูล :
https://bangkokbiznews.com
https://congthuong.vn/an-do-nang-han-muc-dau-tu-cho-ca-nhan-nuoc-ngoai-380275.html
https://www.indiablooms.com/finance/rbi-plans-to-double-foreign-investor-cap-in-listed-firms-to-10-to-boost-inflows-report/details
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.ditp.go.th/post/206549&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw0qzXKnA6L_8ULK9LwPChOK