ทอท.เผยคิงเพาเวอร์ขอเจรจายกเลิกสัญญาดิวตี้ฟรี 3 สัญญารวด หวังปรับสัญญาเป็นธรรม

ทอท.เผยคิงเพาเวอร์ขอเจรจายกเลิกสัญญาดิวตี้ฟรี-3-สัญญารวด-หวังปรับสัญญาเป็นธรรม
ทอท.เผยคิงเพาเวอร์ขอเจรจายกเลิกสัญญาดิวตี้ฟรี 3 สัญญารวด หวังปรับสัญญาเป็นธรรม

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง และรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยกับ ” ฐานเศรษฐกิจ”ว่า บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ได้ส่งหนังสือถึงทอท.เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยในหัวหนังสือระบุเรื่องว่าขอเจรจาเพื่อยกเลิกสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร รวมทั้งหมด 3 สัญญา 

ได้แก่ 1. สัญญาร้านค้าปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2. สัญญาร้านค้าปลอดอากรท่าอากาศยานดอนเมือง และ 3.สัญญาร้านค้าปลอดอากร 3 ท่าอากาศยานในภูมิภาค ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่

แต่ในเนื้อหาในหนังสือไม่ได้ระบุถึงการขอยกเลิกสัญญาดิวตี้ฟรี แต่จะเป็นเรื่องของการขอเจรจาปรับสัญญาร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) จำนวน 3 สัญญา ได้แก่ สัญญาในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, สัญญาท่าอากาศยานดอนเมือง และสัญญาท่าอากาศยานภูมิภาค 

ปวีณา จริยฐิติพงศ์

คิงเพาเวอร์ฯ ระบุถึงผลกระทบที่ได้รับมาตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 การเกิดสงครามในหลายภูมิภาค กรณีสงครามการค้าและกำแพงภาษี การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ผู้โดยสารจีนที่มีกำลังซื้อสูงลดลง การลดภาษีสินค้าประเภทไวน์ การขอคืนพื้นที่ รวมถึงสภาพในปัจจุบันที่เปลี่ยนไปจากช่วงที่ประมูลและทำสัญญาร่วมกัน ซึ่งมองว่าไม่เป็นธรรม จึงขอเจรจาสัญญาในเงื่อนไขที่เป็นธรรมสำหรับการประกอบกิจการต่อไปได้

เราก็ต้องมาพิจารณาว่าที่ผ่านมามีการช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยรวมในระดับไหนบ้าง และกับคิงเพาเวอร์ เป็นอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาเราใช้คำว่า “มาตรการช่วยเหลือ” ตามที่รัฐบาลใช้ในช่วงนั้น แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่การช่วยเหลือในแง่ที่ลดค่าตอบแทน การปรับจาก Minimum Guarantee (MG) เป็น Revenue Sharing มันเป็นเพียงการเปลี่ยนรูปแบบการคำนวณตามหลักคณิตศาสตร์

คิงเพาเวอร์ไม่เคยได้รับการยกเว้น MG เหมือนรายอื่น เราแค่เปลี่ยนรูปแบบให้เป็นการแบ่งรายได้ แต่ในสาระสำคัญแล้ว ค่าตอบแทนยังคงเดิม  แต่มีการยืดการชำระการจ่ายค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้ อีกเรื่องคือการยกเลิกสินค้าขาเข้า ซึ่งกระทบยอดขาออกด้วย เพราะคนที่เดินทางออกไม่สามารถซื้อของฝากไว้ได้เหมือนเดิม

อีกทั้งเราก็ต้องคิดว่าเรามองในมุมของเราเองมากไป คิดว่าประโยชน์เราสูงสุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ลูกค้าต้องจ่ายเราสูงสุด ถูกต้องกับสถานการณ์ขณะนี้หรือไม่ ก็ต้องมาพิจารณา

ดังนั้นในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ในวันนี้ (วันที่ 16 มิถุนายนนี้) ทอท.จะขอความเห็นชอบจากบอร์ดทอท. ในการจ้างที่ปรึกษา ซึ่งจะตั้งคณะกรรมการที่เป็นคนกลาง หรือ Third Party ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ประกอบด้วยผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจ ด้านกฎหมาย ด้านการเงิน ผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขา และขอจ้าง สถาบันการศึกษาอาจจะ 1-2 แห่ง เพื่อเป็นที่ปรึกษาศึกษาแนวทางและนำมาพิจารณาเปรียบเทียบ เพื่อหาแนวทางที่ทำให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด 

สัญญาที่ทอท.ทำกับคิงเพาเวอร์ เป็นสัญญาเชิงธุรกิจ ที่ผ่านการตรวจสอบโดยอัยการสูงสุด สัญญาจึงสามารถปรับเปลี่ยนตามสภาพต่างๆได้ ซึ่งไม่ใช่สัญญาตามพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งสัญญาเชิงพาณิชย์ของทอท.เป็นสัญญาเชิงธุรกิจทั้งหมด

โดยแนวทางการศึกษา ก็ต้องมีทั้งเรื่องแนวทางการแก้ไขสัญญา หรือ กรณีอาจจะยกเลิกสัญญา แล้วต้องเปิดประมูลใหม่ โดยทอท.จะต้องเร่งหาข้อสรุปที่ชัดเจนภายใน 2 เดือน ซึ่งทอท.ได้แจ้งให้คิงเพาเวอร์รับทราบแล้ว ว่าต้องใช้เวลาในการศึกษา คงไม่ทันกับที่คิงเพาเวอร์ คาดหวังว่าจะให้ได้ข้อยุติภายใน 45 วัน

“มีแค่ 2 ทางเลือก คือ ยกเลิกสัญญาหรือไม่ยกเลิก ถ้าไม่ยกเลิกจะทำยังไง เราอยากให้คนเก่งๆ มาช่วยกันคิด โดยต้องดูรอบด้าน ทั้งธุรกิจ กฎหมาย และการเงิน”

ที่ผ่านมาคิงเพาเวอร์ มีหนี้กับทอท.ประมาณ 4,000 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมาเขาจ่ายตามดีลที่ตกลงกัน คือเป็นการเลื่อนชำระแล้วถึงกำหนดก็ชำระ เขาไม่เคยผิดนัดการชำระในส่วนที่ตกลงกันแล้ว แต่เขาไม่ยอมจ่ายหนี้ใหม่ที่เกิดขึ้น โดยอ้างว่าไม่เป็นธรรม เราก็บอกชัดว่าถ้าไม่จ่าย เราก็เก็บค่าปรับตามสัญญา เขาก็รับทราบ

“คิงเพาเวอร์ฯ ถือเป็นคู่ค้าสำคัญของ ทอท. เพราะมีสัดส่วนรายได้กว่า 10% ขณะที่ ทอท.มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ มีหน้าที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ดังนั้นไม่ว่าจะปรับแก้สัญญาหรือยกเลิก ต้องเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย”

ทอท.เผยคิงเพาเวอร์ขอเจรจายกเลิกสัญญาดิวตี้ฟรี 3 สัญญารวด หวังปรับสัญญาเป็นธรรม

อีกทั้งในระหว่างการรอความชัดเจนจาก ทอท. คิงเพาเวอร์ฯ จะขอปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนจากดิวตี้ฟรี จากปัจจุบันที่จ่ายในรูปแบบ Minimum Guarantee ในสัดส่วน 33-34% ของรายได้จากดิวตี้ฟรี ไปเป็นรูปแบบ Sharing per Head ซึ่งจะมีสัดส่วนลดลงเหลือประมาณ 20% รายได้จากดิวตี้ฟรีของคิงเพาเวอร์ กลับไปคล้ายกับในช่วงที่มีมาตรการช่วยเหลือในช่วงโควิดแพร่ระบาด

สำหรับหนังสือ บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ระบุว่า นับจากสถานการณ์โควิด-19 ทอท.ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการคำนวณค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ เป็นผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำต่อผู้โดยสาร (Sharing Per Head) จำนวน 127.30 บาท โดยเรียกเก็บจากผู้โดยสารขาออก ผู้โดยสารผ่าน และผู้โดยสารขาเข้า

แม้ผลกระทบโควิด-19 จะคลี่คลาย แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์ที่บริษัทฯไม่คาดคิดและเกิดผลกระทบต่อการประกอบธุริกจจำหน่ายสินค้าปลอดอากรของบริษัทฯ อันเป็นเหตุสุดวิสัย

ไม่ว่าจะเป็นเหตุสงครามในหลายภูมิภาค สงครามการค้า และการกีดกันทางการค้า กำแพงภาษี การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว ผู้โดยสารจีนที่มีกำลังซื้อสูงลดลง ทำให้ยอดขายลดลง

โดยบริษัทฯ อ้างสาเหตุถึง 7 ประเด็น ที่เป็นเหตุสุดวิสัย ส่งผลต่อยอดจำหน่ายและการประกอบการของบริษัทฯ และส่งผลทำให้ค่าตอบแทนที่บริษัทฯต้องชำระให้แก่ทอท.อยู่ในเกณฑ์ที่สูงผิดปกติกว่าที่ควรจะเป็นและที่ได้เสนอไว้ 

ผลกระทบต่างๆ เป็นผลให้บริษัทฯ ประสบกับภาวะขาดทุนจากแบกรับภาระ อัตราค่าตอบแทนที่สูงผิดปกติและไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของสถานการณ์จนส่งผลให้บริษัทฯ มีความจำเป็นที่ต้องเลื่อนชำระค่าภาระต่างๆ มาเป็นระยะๆ ซึ่งเหตุการณ์อันส่งผลกระทบเหล่านั้นเป็นเหตุสุดวิสัยอันมิได้เกิดจากการกระทำหรือความผิดจากบริษัทฯ แต่ประการใดทั้งสิ้น

แต่ในทางกลับกับ ทอท. กลับพิจารณาและดำเนินการตามที่ ทอท.เห็นสมควรเพียงลำพังและเป็นประโยชน์แก่ ทอท. เพียงฝ่ายดียว โดยมิได้หารือบริษัทฯ เพื่อหาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมต่อทั้งสองฝ่าย หรือมิได้คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกันกับบริษัทฯ ที่มีมากกว่าผลกระทบด้านค่าตอบแทน

ดังนั้น ด้วยเหตุต่างๆ ที่ยังไม่คลี่คลายในขณะนี้ และยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะยุติเมื่อไหร่ รวมถึงความไม่มั่นใจในการให้ความเป็นธรรมต่อคู่สัญญาของ ทอท. บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะร้องขอให้เกิดการหารือเพื่อหาแนวทางและข้อยุติอื่นๆ รวมถึงแนวทางในการพิจารณายกเลิกสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปออดอากร ดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อยุติภายใน 45 วัน

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อบริษัทฯ ในระหว่างการพิจารณาของ ทอท. บริษัทฯ ขอนำส่งค่าตอบแทนตามสัญญาประมูลในอัตรา 20 % ของยอดจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในแต่ละเดือน ซึ่งภายหลังสิ้นเดือน เมื่อทราบยอดจำหน่าย บริษัทฯ จะคำนวณค่าตอบแทนในอัตรา 20 % และชำระค่าตอบแทนดังกล่าวภายในวันสุดท้ายของเดือนถัดไป

 โดยเริ่มจากยอดจำหน่ายเดือนกรกฎาคม 2568 (เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมเวลาชำระเงินสำหรับค่าตอบแทนขั้นต่ำ เดือนกันยายน 2567 ถึงเดือนมิถุนายน 2568) ซึ่งจะทราบยอดจำหน่ายภายหลังสิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 และจะชำระค่าตอบแทนในอัตราร้อยละ 20ให้แก่ ทอท. ภายในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ ไม่ต้องชำระค่าตอบแทนขั้นต่ำของเดือนกรกฎาคม 2568 ซึ่งเดิมบริษัทฯ ต้องชำระให้แก่ ทอท. ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2568 และขอให้ไม่ถือเป็นการผิดนัดชำระ โดยขอให้แนวทางการนำส่งค่าตอบแทนข้างต้นมีผลต่อเนื่องไปจนกว่าจะได้ข้อยุติจากการเจรจา

สำหรับสถานการณ์ที่ บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ระบุเป็นเหตุสุดวิสัยและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยมิได้เกิดจากการกระทำของบริษัทฯ โดยเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นผลให้บริษัทฯ ไม่สามารถประกอบการและปฎิบัติตามสัญญาที่ได้ตกลงไว้ได้ ดังนี้

1. การหยุดดำเนินการร้านค้าปลอดอากรขาเข้าจากนโยบายรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 กระทบต่อวิธีการคำนวณจำนวนเงินค่าตอบแทนที่ลดลงจากการหยุดประกอบการร้านค้าปลอดภาษีขาเข้าอย่างไม่เป็นธรรม และแตกต่างจากเจตนาของ TOR และสัญญาฯอย่างมีนัยสำคัญ

2. การลดภาษีสินค้าประเภทไวน์อันส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายภายในร้านค้าปลอดอากร ซึ่งเป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพ.ร.บ.กำหนดพิกัดอัตราศุลกากรพ.ศ.2530 (ฉบับที่ 7 ) ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ยกเว้นอากรสินค้าไวน์ที่ระบุไว้ในประกาศฯ (จากเดิมอัตราอากรอยู่ที่ร้อยละ 60) ส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่าย

3. การขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการของทอท. บางส่วน(เนื้อที่ประมาณ 491.220 ตารางเมตร) ตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป ซึ่งทอท.ใช้วิธีคำนวณจำนวนเงินค่าตอบแทนที่ต้องชำระให้แก่ทอท.ที่ปรับลดลงตามสัดส่วนของพื้นที่ขอคืนมีผลต่อยอดจำหน่ายสินค้าลดลง

4. การขาดมาตรการเชิงรุกของภาครัฐในการบริหารจัดการความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ส่งผลให้การลดลงของนักท่องเที่ยวจีน ซี่งมีศักยภาพในการจับจ่ายใช้สอยสูงสุด

5. สถานการณ์ภายในประเทศอันส่งผลทางลบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวและจำนวนผู้โดยสาร เช่น การย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติ การปิดตัวของบริษัทในหลายอุตสาหกรรม อาชญากรรมทางไซเบอร์ (แก๊งค์ คอลเซ็นเตอร์) หรือการถล่มของตึกสตง.จากแผ่นดินไหววันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในประเทศ

6. สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังมีผลกระทบต่อธุรกิจ

7. สถานการณ์สงครามและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ บริษัทฯอ้างสัญญาข้อ 7.9 หน้า 25 ระบุว่า ในกรณีทีเกิดเหตุขัดจ้องหรือมีเหตุจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เป็นเหตุให้คู่สัญญาฝายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถดำเนินการตามสัญญาได้โดยไม่ได้มีสาเหตุมาตากความผิดของคู่สัญญาฝ่ายใด คู่สัญญาจะเจรจาเพื่อหาทางแก้ไข

ข้อ 7.7 หน้า 25 ในกรณีที่ข้อกำหนดของสัญญาข้อใดข้อหนึ่งตกเป็นโมฆะไม่สมบูรณ์ หรือใช้บังคับไม่ได้ตามกฎหมาย คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงในข้อกำหนดอื่นยังมีผลบังคับกันได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะต้องดำเนินการเจรจาเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อสัญญาที่มีผลในทางพาณิชย์

ข้อ 7.5 หน้า 25 ภายใต้บังคับของกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับทอท. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญานี้ไม่อาจทำได้ เว้นแต่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะได้ทำความตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร และให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา

ด้านนายนิตินัย ศิริสมรรถการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิงเพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผย ว่า หนังสือที่ คิงเพาเวอร์ ส่งไปยังทอท.นั้น เป็นการส่งไปก่อนที่ตนเองจะเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารของ คิงเพาเวอร์ฯ

นิตินัย ศิริสมรรถการ

แต่เมื่อตนเข้ามาเป็นซีอีโอ ก็คงต้องรอการตอบกลับจากทอท.ก่อนว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป ถ้าทอท.พิจารณาให้มีการเจรจาสัญญาตนก็จะเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ต่อไป ในฐานะซีอีโอ

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thansettakij.com/business/tourism/630099&ct=ga&cd=CAIyHDI4ODcxZTExZDQzMWVlYzA6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw0hoZpg06rd10yA1ptjZS7S

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *