ผลวิจัยฮาร์วาร์ดกว่า 20 ปี ชี้ชัด! ผลไม้ 1 ชนิด ที่คนไทยคุ้นเคย ส่งผลต่ออายุขัย

ผลไม้ 1 ชนิด ที่คนไทยนิยมรับประทาน เกี่ยวข้องกับอายุขัยอย่างมีนัยสำคัญ คนวัยกลางคนและผู้สูงอายุควรรู้ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

ไม่นานมานี้ งานวิจัยระยะยาวกว่า 20 ปีของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ทำให้ “กล้วย” กลายเป็นจุดสนใจในแวดวงสุขภาพอีกครั้ง โดยผลการศึกษาระบุว่า การได้รับ “โพแทสเซียม” อย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบมากในกล้วย มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ และอาจช่วยยืดอายุขัยได้

งานวิจัยดังกล่าวซึ่งเผยแพร่ในวารสาร American Journal of Clinical Nutrition ได้ติดตามกลุ่มตัวอย่างกว่า 100,000 คน อายุระหว่าง 50–75 ปี เป็นเวลา 20 ปี พบว่า ผู้ที่ได้รับโพแทสเซียมมากกว่า 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจต่ำกว่ากลุ่มที่ได้รับต่ำกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวันถึง 21% และยังลดความเสี่ยงการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุลงได้ 12%

แม้ว่างานวิจัยจะเน้นที่ “ปริมาณโพแทสเซียมที่ร่างกายได้รับ” ไม่ได้โฟกัสเฉพาะที่กล้วย แต่กล้วยกลับถูกยกให้เป็นแหล่งโพแทสเซียมหลัก เพราะในบรรดาอาหารทั่วไป กล้วยถือว่ามีโพแทสเซียมสูงมาก กล้วยขนาดประมาณ 200 กรัม ให้โพแทสเซียมถึง 422 มิลลิกรัม แถมราคาย่อมเยา รับประทานง่าย และได้รับความนิยมในกลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุเป็นพิเศษ

Vanessa Loring

ประโยชน์ต่อสุขภาพจากกล้วย ที่หลายคนอาจยังไม่รู้

แม้คนทั่วไปจะรู้ว่ากล้วยช่วยเรื่อง “การขับถ่าย” แต่จริง ๆ แล้ว กล้วยยังมีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายอีกมากมาย เช่น

1. ช่วยควบคุมความดันโลหิต
โพแทสเซียมในกล้วยได้ชื่อว่าเป็น “ผู้พิทักษ์หลอดเลือด” เพราะช่วยขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคความดันโลหิตสูง องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ผู้ใหญ่ได้รับโพแทสเซียมวันละประมาณ 4,700 มิลลิกรัม แต่ผลสำรวจพบว่าคนส่วนใหญ่ได้รับไม่ถึง 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน

2. ดีต่อระบบย่อยอาหาร
กล้วยอุดมไปด้วยใยอาหารทั้งชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ใยอาหารแบบละลายน้ำ เช่น เพคติน จะช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้น ส่วนใยอาหารแบบไม่ละลายน้ำทำหน้าที่เหมือน “ไม้กวาดลำไส้” ช่วยกวาดล้างของเสียในระบบทางเดินอาหาร

3. ช่วยให้อารมณ์ดีและนอนหลับสบาย
ในกล้วยมีวิตามิน B6 ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเซโรโทนิน (ฮอร์โมนแห่งความสุข) และเมลาโทนิน (ช่วยควบคุมวงจรการนอนหลับ) การรับประทานกล้วยในปริมาณที่เหมาะสมจึงช่วยให้นอนหลับดีขึ้น และรู้สึกผ่อนคลายทางอารมณ์มากขึ้น

Ilo Frey

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกล้วย ที่ควรปรับใหม่

แม้กล้วยจะมีประโยชน์มาก แต่หลายคนกลับตกหลุมพรางจากความเข้าใจผิดเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว

• ความเข้าใจผิดที่ 1: “กล้วยรักษาความดันโลหิตสูงได้โดยไม่ต้องใช้ยา”
  ความคิดนี้ไม่ถูกต้อง แม้โพแทสเซียมในกล้วยจะช่วยควบคุมความดันได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ทดแทนยารักษาได้ ผู้ป่วยยังจำเป็นต้องรับประทานยาตามแพทย์สั่ง พร้อมดูแลอาหารการกินอย่างเหมาะสม เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษา

• ความเข้าใจผิดที่ 2: “กล้วยหวาน ผู้ป่วยเบาหวานห้ามกิน”
  ความจริงคือ กล้วยมีค่าดัชนีน้ำตาล (GI) ประมาณ 52 จัดอยู่ในระดับปานกลาง และต่ำกว่าขนมปังขาว (GI 85) หรือแตงโม (GI 72) ผู้ป่วยเบาหวานสามารถรับประทานกล้วยได้ แต่ควรควบคุมปริมาณ เช่น วันละครึ่งถึงหนึ่งผล โดยกินช่วงระหว่างมื้อ และหลีกเลี่ยงการกินร่วมกับแป้งชนิดอื่น

• ความเข้าใจผิดที่ 3: “กินกล้วยลดน้ำหนัก ยิ่งกินเยอะยิ่งดี”
  กล้วยไม่ใช่ยาวิเศษในการลดน้ำหนัก การกินกล้วยแทนมื้อหลักติดต่อกัน อาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารได้ การลดน้ำหนักอย่างยั่งยืนต้องอาศัยการวางแผนโภชนาการที่เหมาะสม ไม่ควรฝากความหวังไว้กับผลไม้เพียงชนิดเดียว