แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติเห็นชอบให้แจ้งข้อกล่าวหาต่อข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในคดีหมายเลข 01-2-0602/2566 ที่มีมูลความผิดเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างโครงการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ วงเงินรวมกว่า 158 ล้านบาท
ผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ประกอบด้วย นายเนติพงษ์ ตลับนาค รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกลุ่มงานเทคโนโลยีสารสนเทศ กสทช., อดีตผู้บริหารระดับสูงหลายราย รวมถึง พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. คนปัจจุบัน ซึ่งขณะเกิดเหตุปฏิบัติหน้าที่เลขานุการประธาน กสทช. และเป็นอนุกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศ
ในสำนวนไต่สวนของ ป.ป.ช. ระบุว่า การจัดซื้อจัดจ้างใน 2 โครงการ ได้แก่
-โครงการพัฒนาระบบบริหารการเงิน การบัญชี การจัดการรายได้ และระบบสินทรัพย์ (ERP) วงเงิน 98 ล้านบาท
-โครงการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคล (HR) วงเงิน 60 ล้านบาท
ทั้ง 2 โครงการดังกล่าวมีพฤติการณ์ “แบ่งจ้าง” โดยปรับลดวงเงินงบประมาณลงให้เหลือโครงการละ 50 ล้านบาท เพื่อหลีกเลี่ยงการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. และให้เป็นอำนาจพิจารณาของ “เลขาธิการ กสทช. โดยความเห็นชอบของประธาน กสทช.” แทน ซึ่งสะท้อนถึงการเจตนาหลีกเลี่ยงกระบวนการตรวจสอบขององค์กร
จากการตรวจสอบ พบว่า นายเนติพงษ์ ในฐานะรักษาการ ผอ.กลุ่มงานเทคโนโลยีฯ และเป็นประธานคณะกรรมการจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ ได้ทำหน้าที่จัดทำขอบเขตงาน (TOR) และเสนอราคากลางของทั้ง 2 โครงการ โดยมีการกำหนดราคากลางในระดับสูงกว่าปกติ พร้อมทั้งระบุเงื่อนไขพิเศษที่อาจนำไปสู่การเอื้อประโยชน์ให้กับหน่วยงานเฉพาะเจาะจง ไม่เปิดให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
ข้อมูลจากการไต่สวนยังพบว่า พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี อดีตประธาน กสทช., นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ อดีตเลขาธิการ กสทช. และ พล.อ.ท. ดร.ธนพันธุ์ ร่วมรับรู้และสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว โดยเฉพาะการเสนอให้ “สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง” (สจล.) ได้รับการว่าจ้างเป็นที่ปรึกษาของทั้งสองโครงการ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่มีการผลักดันอย่างชัดเจน แม้ที่ประชุมบางครั้งเสนอให้เปิดโอกาสให้มหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานอื่นที่ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมแข่งขันได้ก็ตาม
เอกสารหลักฐานสำคัญ เช่น บันทึกการประชุมอนุกรรมการฯ วันที่ 7 และ 17 กันยายน 2555 รวมถึงหนังสือที่ กสทช. 2007/493 ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2555 ระบุชัดเจนว่า การปรับลดงบประมาณกลางปีดังกล่าว เป็นไปตามแนวทางที่ได้รับแจ้งจากผู้บริหารระดับสูง และมีการจัดโครงสร้าง TOR เพื่อรองรับสถาบันที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ป.ป.ช. ชี้ว่า การกระทำทั้งหมดเป็นการแบ่งแยกสัญญา และปรับวงเงินให้เข้าข่ายใช้อำนาจภายในสำนักงาน โดยไม่ต้องเสนอผ่านบอร์ด ถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐ เป็นการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ อาจเข้าข่าย “ฮั้วประมูล” หรือสมยอมกันในทางมิชอบ
ทั้งนี้ ป.ป.ช. อาศัยอำนาจตามมาตรา 70 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และข้อ 72 ของระเบียบการตรวจสอบและไต่สวนฯ ปีเดียวกัน ในการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาใช้สิทธิในการคัดค้านภายในเวลาที่กำหนด ก่อนสรุปสำนวนเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อมีมติชี้มูลความผิดและส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมาย
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thansettakij.com/politics/629785&ct=ga&cd=CAIyHDY2MTU4YTVjYWRlYjI0MDk6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3dHvqnamZmtoiu78AEIole