กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดระยอง เปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรม โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมระยองให้เป็นต้นแบบการพัฒนาเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ เพื่อยกระดับรายได้ให้เกษตรกรและช่างฝีมือ พร้อมทั้งเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวเข้ากับเรื่องราวและคุณค่าทางวัฒนธรรมท้องถิ่น
โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดระยอง โดย Dow เล็งเห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาผ่านการท่องเที่ยวที่ลดการปล่อยคาร์บอน และเน้นการพึ่งพาตนเองของชุมชน ซึ่งเป็นการตอกย้ำบทบาทของภาคเอกชนที่ไม่ได้เพียงสนับสนุนด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนประเด็นสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป
ในช่วงฤดูกาลผลไม้ระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม Dow ได้เชิญชวนสื่อมวลชนและนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสเสน่ห์ของสวนผลไม้พรีเมียม และเรียนรู้เรื่องราวของ ‘ผ้าตากะหมุก’ ซึ่งเป็นผ้าทอพื้นถิ่นที่ได้รับการรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่โดยคนรุ่นใหม่ของชุมชน

‘ณัฐพงศ์ จิรวัฒนาวรกุล’ ผู้อำนวยการแผนกองค์กรสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง Dow กับจังหวัดระยองที่ยาวนานหลายทศวรรษ เป็นแรงผลักดันสำคัญให้บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาพื้นที่แห่งนี้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนผ่านการส่งเสริมการตลาด การท่องเที่ยว และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น อาทิ น้ำผึ้งชันโรง ผักออร์แกนิก ผ้ามัดย้อม และขนมจากผลไม้แปรรูป ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลผลิตจากวิสาหกิจชุมชนที่ต้องการการสนับสนุนจากทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ
หนึ่งในไฮไลต์ของเส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตรครั้งนี้ คือ ‘สวนยายดา–เจ๊บุญชื่น’ ตั้งอยู่ที่ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง สวนขนาด 30 ไร่แห่งนี้ได้รับรางวัลด้านการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้และการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้การทำสวนแบบเกษตรผสมผสาน ชิมผลไม้สดตามฤดูกาล เช่น ทุเรียนหมอนทอง เงาะ มังคุด และลองกอง ในบรรยากาศร่มรื่น และยังได้สัมผัสนวัตกรรมการเพาะปลูกด้วย ‘ถุงแดง Magik Growth’ ซึ่งช่วยลดการใช้สารเคมี เพิ่มประสิทธิภาพของผลผลิตโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
อีกหนึ่งจุดหมายสำคัญคือ ‘สวนคุณประยูร–อชิคาเฟ่’ ในอำเภอแกลง บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ที่รายล้อมด้วยต้นทุเรียนที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ พร้อมคาเฟ่ ห้องอาหาร และมุมถ่ายภาพท่ามกลางธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสามารถลิ้มรส ‘ทุเรียนถุงแดงพรีเมียม’ เกรด AB และเรียนรู้เทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย ทั้งหมดนี้คือการพัฒนาที่ยังคงรักษาไว้ซึ่งรากฐานของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
นอกจากการท่องเที่ยวเชิงเกษตรแล้ว เส้นทางนี้ยังนำเสนออีกหนึ่งมิติที่สำคัญคือการเรียนรู้วัฒนธรรมผ่าน ‘ศูนย์อนุรักษ์ผ้าพื้นถิ่นระยอง’ เทศบาลตำบลบ้านเพ ซึ่งเป็นแหล่งฟื้นฟู ‘ผ้าตากะหมุก’ ผ้าทอมือที่เคยเลือนหายไปเกือบ 80 ปี ผ้าตากะหมุกมีลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจักสานพื้นถิ่น มีเอกลักษณ์ในการใช้สีเข้มสลับอ่อน และเคยถูกบันทึกไว้ในพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 5 ว่าเป็นผ้าที่มีฝีมือประณีตกว่าผ้าในกรุงเทพฯ
Dow มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนศูนย์แห่งนี้ ทั้งในด้านนิทรรศการ สื่อประชาสัมพันธ์ และการสร้างรายได้ให้กับกลุ่มช่างทอผ้า ผ้าตากะหมุกได้รับการประกาศให้เป็นผ้าประจำจังหวัดอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2565 และยังถูกนำไปประยุกต์เป็นของขวัญสำหรับลูกค้าและผู้บริหาร เพื่อเป็นการถ่ายทอดรากเหง้าทางวัฒนธรรมอย่างร่วมสมัย
กิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นตัวอย่างของการผสานพลังระหว่างภาคธุรกิจ ชุมชน และวัฒนธรรม ที่ไม่เพียงสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่ยังหล่อเลี้ยงคุณค่าทางสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยมีวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อน
ด้วยเหตุนี้ ระยองจึงไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวในฤดูผลไม้ แต่ยังเป็นเวทีที่สะท้อนให้เห็นว่า ‘ความยั่งยืน’ สามารถเริ่มต้นได้จากชุมชนเล็กๆ หากได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.dailynews.co.th/news/4802686/&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw0m6dpgD0EBzI8ZgjhUAZ9J