วันนี้ ( 9 มิ.ย.2568) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือน พ.ค.2568 อยู่ที่ระดับ 48.9 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือน เม.ย.2568 ที่อยู่ที่ระดับ 48.8 โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากการปรับแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐ ให้สอดคล้องกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจการค้าโลก เน้นการลงทุนโครงการที่มีศักยภาพ แทนการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตรอบ 3 ความกังวลมาตรการภาษีสหรัฐฯ ผ่อนคลายลง หลังชะลอไป 90 วัน และการส่งออกเดือน เม.ย.2568 ขยายตัวต่อเนื่องจากการเร่งส่งมอบสินค้า
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์
สำหรับรายละเอียดผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่า ด้านเศรษฐกิจไทยส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุด คิดเป็น 49.84% รองลงมา คือ มาตรการของภาครัฐ คิดเป็น 14.11% เศรษฐกิจโลก คิดเป็น 9.76% ราคาสินค้าเกษตร คิดเป็น 8.31% สังคม/ความมั่นคง คิดเป็น 6.91% การเมือง คิดเป็น 4.49% ภัยพิบัติ/โรคระบาด คิดเป็น 3.49%ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง คิดเป็น 2.72% และอื่น ๆ คิดเป็น 0.37%
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายภูมิภาค จำนวน 5 ภูมิภาค พบว่า ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น 1 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 53.0 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 49.3 ภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 47.7 ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 47.4 และภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 45.7 ปรับลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าและไม่อยู่ในช่วงความเชื่อมั่น
ผอ.สนค. กล่าวอีกว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม ยังอยู่ต่ำกว่าระดับความเชื่อมั่น จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การค้าโลกที่ยังคงยืดเยื้อต่อเนื่อง ความกังวลของประชาชนต่อระดับหนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดของไทยและประเทศคู่แข่งขันที่ปรับลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
เนื่องจากปริมาณผลผลิตทางการเกษตรที่ออกสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น อาจส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกร รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และภาคการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลงตามฤดูกาล ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ล่าสุดพบว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชน ไม่ว่าจะเป็น การปรับแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งจะสามารถช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถพัฒนาเป็นรากฐานในการพัฒนาระยะยาว มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว
และการประกาศแผนโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งสำหรับการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ และยังมีการติดตามสถานการณ์การใช้มาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจาอย่างรอบด้าน เพื่อให้การเจรจาบรรลุผลสำเร็จโดยเร็วและเป็นประโยชน์สูงสุดของประเทศ
อ่านข่าว:
ส่อง 7 ตัวเต็ง ว่าที่ “ผู้ว่าแบงก์ชาติ” คนที่ 25 กุมบังเหียนการเงินไทย
เศรษฐกิจชายแดน ระส่ำ หวั่นปิด16 ช่องการค้า กระทบวิถีชายขอบ
พาณิชย์ หั่นเป้าเงินเฟ้อทั้งปี เหลือ 0-1% ยันไม่มีสัญญาณเงินฝืด
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thaipbs.or.th/news/content/353011&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw1daKjLX70eazPB8eSC2M6K