นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า นำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวไทยในกิจกรรม Thailand Product Updateภายในงาน Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2025 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ มุ่งชูจุดขายสินค้าและบริการการท่องเที่ยวประเภท Health and Wellness ควบคู่กับ Gastronomy Tourism แก่ผู้ประกอบการต่างประเทศและสื่อมวลชน จำนวนกว่า 500 ราย ที่เข้าร่วมงาน พร้อมตอกย้ำแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainability) เพื่อสร้างประสบการณ์เดินทางที่มีความหมาย (Meaningful Travel) ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและนำเรื่องราวไปบอกต่อได้อย่างไม่รู้จบ (Your Story Never End) เพื่อเดินหน้าสู่อนาคตการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน
“นอกจากการเจรจาธุรกิจแล้ว หัวใจสำคัญของงาน TTM+ 2025 คือการสร้าง “Your Story Never End” ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวอันเปี่ยมความหมาย พร้อมทั้งนำเรื่องราวไปบอกต่อได้อย่างไม่รู้จบเมื่อเดินทางมายังประเทศไทย สอดคล้องกับปีAmazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” นายนิธี กล่าว
ทั้งนี้ททท. จึงได้ฉายภาพสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวไทยที่จะเป็นกุญแจดอกสำคัญในการกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ชูจุดแข็งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงอาหารเพื่อเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ปริมาณของนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เป็นการยกระดับคุณภาพให้ทุกการเดินทางเปี่ยมด้วยคุณค่า และมั่นใจว่าการท่องเที่ยวจะสร้างประโยชน์ต่อทั้งผู้มาเยือนและชุมชนท้องถิ่น
สำหรับกิจกรรม Thailand Product Update ในงาน TTM+ 2025 เป็นการนำเสนอการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health and Wellness) โดยเฉพาะกิจกรรมฟื้นฟูสุขภาพกายและจิตใจที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิปัญญาที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น ซึ่งเน้นความโดดเด่นของแต่ละภูมิภาค ดังนี้
ภาคเหนือ : สปาล้านนา ที่ Fah Lanna Spa และ การนวดฟ้อนเล็บ ที่ ZiRa Spa
ภาคกลาง : ผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติ The Soul จังหวัดสระบุรี ผสมผสานศาสตร์การแพทย์ไทยและจีนอย่างครบวงจรที่ ChivaRak Wellness จังหวัดเพชรบุรี
ภาคตะวันออก : การนวด ZILA Stone Massage โดยใช้หินอ่างศิลาหายาก ที่ MASON Spa การนวดบำบัดแบบไทยพร้อมแช่บ่อน้ำแร่สไตล์ออนเซ็น ทรีตเมนต์สครับสับปะรดศรีราชา ที่ SPA Cenvaree ศรีราชา จังหวัดชลบุรี

นอกจากนี้ยังมุ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) และสวรรค์ของนักชิม ตั้งแต่ร้านสตรีทฟู้ดไปจนถึงภัตตาคารที่มีชื่อเสียง ด้วยวัฒนธรรมอาหารที่หลากหลายและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดย Michelin Guide Thailand 2025 ได้แนะนำร้านอาหารกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ รวมถึง 50 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ และในปีนี้ ร้านอาหาร ศรณ์ เป็นร้านแรกของประเทศไทยที่ได้รับดาวมิชลิน 3 ดาว นับเป็นก้าวสำคัญของวงการอาหารไทยบนเวทีโลก อาหารไทยไม่ได้มีดีแค่รสชาติเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับแนวคิดเรื่องสุขภาพ ภายใต้แนวคิด Wellness on a Plate สร้างสรรค์เมนูอร่อยจากวัตถุดิบออร์แกนิกในท้องถิ่น เช่น ร้าน Blackitch ในจังหวัดเชียงใหม่
นอกจากนี้ยังได้นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวใหม่ อาทิ แลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปะแห่งใหม่ Lannatique by AWC ในจังหวัดเชียงใหม่ และแพ็คเกจเส้นทางรถไฟหรูจากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ The Blue Jasmine Rail Journey ที่กำลังจะเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ โดยตลอดการเดินทางผู้โดยสารจะได้ลิ้มรสอาหารท้องถิ่น สัมผัสวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนตลอดเส้นทาง 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา อุทัยธานี สุโขทัย และเชียงใหม่

นายนิธี กล่าวว่า ททท. ยังมุ่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสร้างมาตรฐานและสนับสนุนความยั่งยืนในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะโครงการ Krabi Prototype โมเดลการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่เลือกจังหวัดกระบี่เป็นต้นแบบในการนำเสนอด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและความแข็งแกร่งของชุมชนท่องเที่ยวในพื้นที่ที่คำนึงถึงเรื่องความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญ อาทิ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ชมรมธุรกิจท่องเที่ยวอ่าวไร่เลย์ ที่กำลังผลักดันเข้าสู่ Green Destinations Top 100 Stories เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าการเติบโตของการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินควบคู่กันไปได้อย่างสมดุล นอกเหนือจากเมืองเก่าจังหวัดน่านที่ได้รับรางวัลระดับ Gold จากGreen Destinations Award นับเป็นความสำเร็จของประเทศไทยในการสร้างภาพลักษณ์ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวไทยสู่มาตรฐานอย่างยั่งยืนในระดับสากล

พร้อมกันนี้ ททท. ยังเตรียมจัดและสนับสนุนกิจกรรมและอีเวนต์ทางการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้าประเทศไทยต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยมีไฮไลต์กิจกรรม อาทิ Amazing Thailand Love Wins Festival ทั่วประเทศในเดือนแห่ง Pride Month เทศกาลผีตาโขนในจังหวัดเลย และเทศกาลดนตรีนานาชาติ อาทิ Summer Sonic Bangkok, Rolling Loud Thailand ในพัทยา และ Wonderfruit ในจังหวัดชลบุรี เทศกาลถือศีลกินผักในจังหวัดภูเก็ต อีเวนต์ด้านกีฬา ได้แก่ ONE Championship Muay Thai series, การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก (FIVB Women’s Volleyball World Championship), Amazing Thailand Marathon 2025 และการแข่งขัน SEA Games ครั้งที่ 33 ปิดท้ายด้วยเทศกาลแห่งแสงเสียงในช่วงปลายปี อาทิ ลอยกระทง วิจิตรเจ้าพระยา และ Amazing Thailand Countdown 2026
อย่างไรก็ตามสถานการณ์การท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 พฤษภาคม 2568 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย จำนวนสะสมรวม 14.362 ล้านคน โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับแรกที่เดินทางเข้าประเทศไทยสูงที่สุด ได้แก่ จีน 1.95 ล้านคน) มาเลเซีย 1.9 ล้านคน อินเดีย 9.786 แสนคน รัสเซีย 9.611 แสนคน) และเกาหลีใต้ 6.735 แสนคน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวรวม 6.5 แสนล้านบาท
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.dailynews.co.th/news/4784450/&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3ee9L5vHnMAJ7OWUe1F2b3