“นมวัว” เสี่ยงมะเร็ง? ผู้เชี่ยวชาญแนะชัดๆ ดื่มเท่าไหร่-เวลาไหนของวัน ตับและเต้านมปลอดภัย!

งานวิจัยชี้ดื่มนมวัวมากเกิน เสี่ยงมะเร็งตับ-เต้านม ผู้เชี่ยวชาญแนะ “3 วิธีดื่มอย่างปลอดภัย”

แม้นมวัวจะถูกมองว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ แต่ผลการศึกษาล่าสุดจากหลายประเทศกลับพบความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภคนมวัวกับความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับและมะเร็งเต้านมในผู้หญิง

งานวิจัยจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งใช้เวลาศึกษานานถึง 15 ปี ติดตามกลุ่มตัวอย่างกว่า 490,000 คน พบว่าผู้ที่บริโภคนมและผลิตภัณฑ์นม “ชนิดเต็มไขมัน” ในปริมาณมาก มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับเรื้อรังและมะเร็งตับเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ วารสารการแพทย์นานาชาติ BMC Medicine ยังเผยผลการศึกษาเพิ่มเติมจากประเทศจีน ซึ่งเก็บข้อมูลประชากรมากกว่า 510,000 คน จาก 10 พื้นที่ ทั้งในเขตเมืองและชนบท พบว่าผู้ที่ดื่มนมเป็นประจำมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งมากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มถึง 9% โดยเฉพาะมะเร็งตับเพิ่มขึ้น 18% และในเพศหญิง มะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นถึง 22% แม้จะตัดปัจจัยเรื่องโรคอ้วนออกไปแล้วก็ตาม

ทำไมนมวัวถึงเพิ่มความเสี่ยง? นพ.ฮวาง เสวียน แพทย์เฉพาะทางทรวงอกและเวชบำบัดวิกฤต จากไต้หวัน อธิบายว่า ความเสี่ยงนี้เกี่ยวข้องกับ 3 ปัจจัยหลัก

1. IGF-1 เพิ่มสูงจากนมเต็มไขมัน: โปรตีน IGF-1 กระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์และยับยั้งการตายของเซลล์ ทำให้เสี่ยงเกิดเซลล์มะเร็ง

2. ไขมันอิ่มตัวสูง: เพิ่มโอกาสเกิดภาวะไขมันพอกตับและการอักเสบเรื้อรังในตับ

3. ฮอร์โมนเอสโตรเจนตกค้าง: ในกลุ่มที่มีภาวะอ้วนหรือโรคตับเรื้อรัง อาจกระตุ้นให้เซลล์ผิดปกติได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม นพ.ฮวางย้ำว่า  “ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน ดื่มได้แต่ต้องรู้วิธี” เนื่องจากนี่คือการศึกษาเชิงสังเกต ไม่ใช่การพิสูจน์สาเหตุโดยตรง จึงไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าการดื่มนมทำให้เป็นมะเร็ง แต่ผู้ที่มีภาวะไขมันพอกตับ หรือประวัติมะเร็งตับในครอบครัว ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการก่อนวางแผนบริโภค

ในมุมมองของนักโภชนาการ เจิน ซูเซียน จากโรงพยาบาลเทศบาลเมืองไถหนาน ระบุว่า หากดื่มนมไม่เกินวันละ 2 แก้ว (ประมาณ 300 มิลลิลิตรต่อแก้ว) ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขไต้หวัน ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะไม่ก่อให้เกิดปริมาณไขมันอิ่มตัวมากเกินไป

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังได้แนะนำ 3 แนวทางการดื่มนมให้ปลอดภัย และลดโอกาสเสี่ยงมะเร็ง ได้แก่

1. ปริมาณเหมาะสม: ดื่มวันละ 1–2 แก้ว ไม่ควรเกิน

2. หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่ไม่เหมาะ:

   • หลีกเลี่ยงการดื่มขณะท้องว่าง เพราะอาจกระตุ้นกรดในกระเพาะอาหาร

   • ไม่ควรดื่มนมร่วมกับการกินยา เพราะแคลเซียมและแมกนีเซียมในนมอาจทำให้ยาออกฤทธิ์ได้น้อยลง

3. เลือกเวลาดื่มให้เหมาะ:

   • เช้า: ร่างกายต้องการพลังงานและโปรตีน

   • เย็นหรือก่อนนอน: ช่วยให้หลับดีขึ้น เพราะมีกรดอะมิโน “ทริปโตเฟน” ซึ่งช่วยสร้างสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ

ท้ายที่สุด แม้จะมีการศึกษาชี้ถึงความเชื่อมโยงของนมวัวกับความเสี่ยงมะเร็งบางชนิด แต่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า หากบริโภคอย่างพอเหมาะในเวลาที่เหมาะสม พร้อมกับอาหารที่สมดุล ก็ยังคงเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมที่ดีต่อร่างกายได้เช่นเดิม

• ของดีมื้อเช้า! เครื่องดื่มที่ช่วย “ดักจับ” ไขมันเลว ไม่ให้เข้าสู่กระแสเลือด แถมดีต่อหัวใจด้วย
• ไม่ใช่แค่นม! เผยรายชื่อ 5 ซูเปอร์ฟู้ด “เสริมแคลเซียม” ได้ดียิ่งกว่า กระดูกแข็งแรงถึงวัยชรา