เป้าหมายใหญ่ ก็เพื่อให้ประเทศไทยเที่ยวได้ทั้งปี ไม่มีโลว์ซีซั่นสั่งการ 5 มาตรการ ลุยการท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ เร่งดำเนินการทุกมิติกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย ยึดแนวทางไทยแลนด์เที่ยวได้ทั้งปี ไม่มีโลว์ซีซั่น
ทั้ง 5 มาตรการ ก็มีทั้งเพิ่มการโปรโมต การสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในทุกรูปแบบ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น รวมไปถึงการยกระดับความปลอดภัยในทุกมิติ
ไม่เพียงเท่านี้!! ยังต้องแก้ปัญหาการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว ตั้งแต่ การบริการตรวจคนเข้าเมืองที่ต้องรวดเร็ว ต้องจัดระเบียบการใช้บริการขนส่งสาธารณะในพื้นที่สนามบิน ต้องตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อสำรวจและแก้สารพันปัญหาในทุกพื้นที่ท่องเที่ยว ให้เป็นรูปธรรม โดยเร็วที่สุด
ขณะเดียวกันต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการบังคับใช้มาตรการกำหนดเพดานค่าโดยสารการบินโลว์ครอสให้มีประสิทธิภาพ
ที่สำคัญ… ต้องจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในปัจจุบันและอนาคต เพื่อให้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมน่าสนใจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ทั้งหลายทั้งปวง ก็มีเหตุผลมาจาก…เวลานี้สถานการณ์ท่องเที่ยวไทย ได้ถูกแรงกระแทกจากเศรษฐกิจโลกไม่น้อย ทำให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศ ลดลง โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างนักท่องเที่ยวจีน ต้องลดน้อยถอยลงไป
เพราะตั้งแต่วันที่ 1ม.ค.-26 พ.ค. 68 นักท่องเที่ยวต่างชาติมีประมาณ 13.9 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก รวม 9.07 ล้านคน ติดลบ 10.65% และคิดเป็น 32.11% ของเป้าหมายปี 68 นี้ ที่ตั้งไว้ 28.26 ล้านคน
หากมาพินิจพิเคราะห์ ดูในส่วนของตลาดระยะสั้น ก็พบว่า ฝั่งเอเชียตะวันออกติดลบ 22.94% อาเซียน ติดลบ 4.63% ขณะที่ตลาด เอเชียใต้ เพิ่มขึ้น 16.53% และตลาดโอเชียเนีย เพิ่มขึ้น 15.42%
แม้นักท่องเที่ยวจีนจะยังครองแชมป์ ที่ 1.9 ล้านคน แต่ปรากฎว่า ติดลบไปถึง 32.85% รองลงมา คือมาเลเซีย 1.8 ล้านคน ก็ติดลบ 5.39% เช่นกัน ส่วนอันดับ 3 คืออินเดีย 9.4 แสนคน ยังเติบโต 16.45% เกาหลีใต้ 6.5 แสนคน ก็ติดลบ 16.37% เช่นกัน
อย่างที่รู้กันดีในทุกพื้นที่ท่องเที่ยวว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนนั้นซบเซาอย่างหนัก บรรดาร้านค้าต่างพูดตรงกันว่า… ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนลดอย่างมาก และไม่เพียงแค่ นักท่องเที่ยวจีน แต่นักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ ก็ลดลงตามไปด้วย
เหตุผลใหญ่ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลง ก็มาจาก ภาพลักษณ์ความไม่ปลอดภัยของไทย จากทั้งเรื่องเหตุการณ์การลักพาตัวชาวจีน การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างชาติ การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน การก่อวินาศกรรมในสุไหงโก-ลก และเหตุแผ่นดินไหวในประเทศไทย หรือแม้กระทั่งการทำตลาดอย่างหนักของประเทศคู่แข่ง
ปัญหาเหล่านี้ยังลามไปถึงนักท่องเที่ยวฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีด้วย ยกเว้นญี่ปุ่น ที่ยังมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยเพิ่มขึ้น 11.16% โดยเกือบ 5 เดือน มีจำนวน 4.3 แสนคน
สถานการณ์การท่องเที่ยวที่เกิดขึ้น หากปล่อยให้เป็นไปตามสภาพ เป็นไปตามยถากรรมเช่นนี้อีก เชื่อได้เลยว่า เครื่องยนต์ที่กำลังพุ่งไกล อาจต้องดับลงไปอีก
นั่นหมายความว่า… สภาพเศรษฐกิจไทยก็จะยิ่งทรุดลงตามไปด้วย แม้ว่าเครื่องยนต์ด้านการท่องเที่ยวจะทำรายได้ไม่ถึง 20% ของจีดีพี ของประเทศก็ตาม
ด้วยเหตุนี้…สมาคมท่องเที่ยว 7 แห่ง เช่น สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า), สมาคมโรงแรมไทย, สมาคมสมาพันธ์สปาแอนด์เวลเนสไทย, สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานสถานการณ์ และนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว 2-4 ปี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเชื้อเชิญให้ประธานาธิบดี สี จิ้งผิง มาเยือนไทย ในงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี ในวันที่ 1 ก.ค.นี้
นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกสารพัดมาตรการ ที่บางส่วน ก็อยู่ใน 5 มาตรการที่นายกฯแพทองธาร ได้สั่งการไปแล้ว
ทั้งหมด…ก็ต้องมาดูกันว่า การยกเรื่องของท่องเที่ยวเป็น “วาระแห่งชาติ” ที่หมายความว่าทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน ต้องร่วมไม้ร่วมมือกันทำ จะไปได้ไกลแค่ไหน?
หากยังต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างเดิน ก็หมายความว่าเครื่องยนต์ท่องเที่ยวนี้ เสี่ยงที่จะดับลงไปด้วยเช่นกัน!!
……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.dailynews.co.th/articles/4769258/&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3N5L0Ar_QgqoTdDcqJdGXM