เกณฑ์ใหม่กู้ กยศ. ดอก 0.5% ปลอดหนี้ 3 ปี

เกณฑ์ใหม่กู้-กยศ-ดอก-0.5%-ปลอดหนี้-3-ปี
เกณฑ์ใหม่กู้ กยศ. ดอก 0.5% ปลอดหนี้ 3 ปี

ความพยายามทำให้เยาวชนไทยมีโอกาสได้อยู่ในระบบการศึกษาต่อ เพื่อให้เกิดการพัฒนาในคนรุ่นใหม่ๆ ที่กำลังเติบใหญ่ขึ้น ให้เป็นพลังสำคัญในการผลักดันศักยภาพ และความสามารถของประเทศไทยในการแข่งขันบนเวทีการค้าของโลกสู้กับประเทศอื่นๆ ได้…เป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นเครื่องมือ

แต่ปัญหาที่ผ่านมาคือ การไม่ได้เน้นให้ผู้กู้ยืมเข้าเรียนในสาขาวิชาซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด หรือสาขาที่สามารถพัฒนาสู่ทักษะสำคัญสำหรับอนาคตที่เปลี่ยนแปลงสู่เทคโนโลยี ในเวลาเดียวกัน กฎกติกาการกู้ยืมเงินก็ดูจะขึงตึงจนเกินไป

เมื่อจบการศึกษา นักศึกษาจำนวนมากจึงหางานทำไม่ได้ หรือมีเงินเดือนต่ำกว่าข้อกำหนดที่ กองทุน กยศ.ให้ผ่อนชำระ แม้จะมีระยะเวลาปลอดหนี้ แต่ท้ายสุด ผู้จบการศึกษาก็ยังไม่สามารถหางานทำได้ มีผลให้กองทุน กยศ. ไม่ได้รับการใช้หนี้คืน 

กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้กำกับดูแลกองทุน กยศ.จึงได้แก้ไข พ.ร.บ.กองทุน กยศ.ใหม่ (พ.ศ.2566) เพื่อให้ผู้ที่เป็นหนี้ค้างชำระเงินกู้ยืมเรียนมีโอกาสปลดหนี้ เป็นไทแก่ตัวเองได้ 

ขณะเดียวกันก็เพื่อให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้ใช้เงินจากกองทุน กยศ.เพื่อเข้าสู่ระบบการเรียนต่อในขั้นอุดมศึกษา และสาขาวิชาชีพต่างๆ ได้ ส่วนเยาวชนที่จะเป็นผู้กู้ยืมเรียนรุ่นใหม่ จะได้รับโอกาสที่ดีกว่าทั้งระบบการกู้ยืมที่ได้รับการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง กำหนดการชำระคืน และอื่นๆ ที่เพิ่มโอกาสดีๆ เพื่อให้ผู้กู้ยืมรัฐบาล และกองทุน กยศ.ต่างได้รับผลความสำเร็จตามเป้าหมายอย่างเท่าเทียมกัน

“ปลัดบั๊ด” ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานบอร์ดกองทุน กยศ. เปิดเผยว่าอยากให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา เข้ามาดูสาระสำคัญของพ.ร.บ. กองทุน กยศ.ฉบับใหม่ที่ตัดลำดับการชำระหนี้เป็น เงินต้น – ดอกเบี้ย – เบี้ยปรับ แทนกติกาเดิม 

พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยปรับจากสูงสุด 18% เหลือเพียง 0.5% “เชื่อเถอะว่า ผู้กู้ยืมทุกคนจะเห็นยอดหนี้ลดลงทันที โดยการคำนวนแบบใหม่นี้ ครอบคลุมผู้กู้ 3.5 ล้านราย กยศ.ช่วยแก้ไขปรับโครงสร้างหนี้ให้แล้ว 2.3 ล้านราย หรือราว 70%” ตรงนี้ผู้กู้สามารถตรวจสอบยอดหนี้ใหม่ได้ผ่านเว็บ www.studentloan.or.th 

ที่ผ่านมา กยศ.หักเงินเดือนจากนายจ้างเฉพาะยอดหนี้ปีปัจจุบัน ไม่รวมยอดหนี้ค้างชำระเก่าจำนวน 490,225 ราย ในเดือนเม.ย.68 และในเดือน พ.ค.68 อีก 251,083 ราย 

ประเด็นสำคัญคือ ผู้กู้ยืมเงิน จะต้องยื่นขอปรับโครงสร้างกับ กยศ.และเจ้านายที่บริษัทให้เรียบร้อยว่า ได้มีการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่แล้ว จะได้ไม่ถูกหักเงินเดือน 3,000 บาท

ยังมีประเด็นสำคัญอีกเรื่องคือ หลังปรับโครงสร้างหนี้แล้ว กยศ.พบว่ามีผู้กู้ยืมเงินที่ชำระเงินเกิน 286,362 บัญชี เป็นเงิน 3,399.13 ล้านบาท กยศ.คืนให้แล้ว 2,528 บัญชี เป็นเงิน 73.81 ล้านบาท และจะต้องทยอยคืนให้หมดทั่วประเทศภายในเดือน ก.ย.ปี 2569 

สำหรับจังหวัดที่มีผู้ค้างชำระสูงสุดได้แก่ กทม.(129,146 บัญชี) นครราชสีมา (78,816 บัญชี) ตามด้วยนครศรีธรรมราช ขอนแก่น และเชียงใหม่ 

ทีนี้มาดูกลุ่มอายุที่ค้างชำระมากที่สุดอยู่ในช่วงวัยทำงาน 30 – 39 ปี (1.13 ล้าน บัญชี) รองลงมาคืออายุ 40 – 49 ปี (675,184 บัญชี), อายุ 20 – 29 ปี (356,209 บัญชี), อายุ 50 – 59 ปี(25,906 บัญชี), และ มากกว่า 59 ปี (3,396 บัญชี)

ในการปรับปรุงเงื่อนไขกฎเกณฑ์ใหม่เพื่อช่วยลดภาระหนี้ และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงระบบการศึกษา สรุปสาระสำคัญมาให้ดังนี้

*เงื่อนไขการชำระหนี้ใหม่

1.ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.5% (จากเดิม 1%) สำหรับผู้ชำระตรงเวลา

2.ยกเว้นดอกเบี้ย 3 ปีแรกหลังเรียนจบ

3.ขยายเวลาชำระหนี้จาก 2 ปี เป็น 3 ปี หลังเรียนจบ(กรณีไม่มีงานทำ)

4.ลดหย่อนหนี้ 30% หากชำระเต็มจำนวนภายใน 5 ปีแรก

*คุณสมบัติผู้กู้ยืม

-นักเรียนยากจน รายได้ครัวเรือนไม่เกิน 360,000 บาท/ปี

-นักศึกษาระดับอุดมศึกษา(ป.ตรี – ป.เอก)ในสถาบันที่ร่วมโครงการ

-ไม่มีประวัติผิดนัดชำระหนี้กยศ.รอบก่อน

*วงเงินกู้เพิ่มเติม 

-อาชีวะศึกษา สูงสุด 100,000/ปี

-อุดมศึกษา สูงสุด 240,000/ปี (รวมค่าเล่าเรียน-ค่าครองชีพ)

*สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม

-ผู้พิการ/ผู้ด้อยโอกาส ได้รับวงเงินเพิ่ม 20%

-เรียนในสาขาขาดแคลน  เช่น วิทยาศาสตร์ เกษตร อาจได้วงเงินพิเศษ

*ผู้กู้รายเดิมก่อนปี 2566 

-ได้รับสิทธิประโยชน์ใหม่อัตโนมัติ เช่น ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.5% ยกเว้นดอกเบี้ย 3 ปีแรก หลังเรียนจบ…แต่ต้องไม่มีประวัติค้างชำระเกิน 90 วัน

-ไปทำเรื่องขอรับสิทธิ์ใหม่ และปรับเปลี่ยนแผนการชำระหนี้

*โปรแกรมพิเศษสำหรับผู้มีปัญหาชำระหนี้ 

1.เข้าโครงการพักชำระหนี้ 1 ปีสำหรับผู้ว่างงาน และมีรายได้น้อยกว่า 15,000 บาท/เดือน (แสดงหลักฐานการหางาน)

2.ลดหนี้ 70%

-สำหรับผู้พิการ/มีโรคเรื้อรัง

-ชำระส่วนที่เหลือใน 3 ปี

3.แปลงหนี้เป็นงานสาธารณประโยชน์

-ชำระหนี้ด้วยการทำงานเพื่อสังคม 1 วัน = ลดหนี้ 1,000 บาท

-แปลงได้สูงสุด 30% ของยอดหนี้

“กฏเกณฑ์ใหม่นี้ แก้ไขมาเพื่อให้โอกาสนักเรียน นิสิต และนักศึกษาเข้าสู่ระบบ เราไม่อยากให้ใคร ออกไปอยู่นอกระบบเลย ส่วนพวกที่หนีหายไป อยากให้ติด ต่อกลับมาที่สายด่วน 0-2623-9000 เพื่อจะได้เจรจาเงื่อนไขใหม่ก่อนถูกส่งดำเนินคดี …ยกตัวอย่าง นาย A ค้างชำระ 5 ปี มียอดหนี้ 200,000 บาท แต่หลังเจรจาใหม่ อาจชำระเพียง 100,000 บาท โดยแบ่งจ่ายเหลือ 1,500 บาท/เดือน เป็นเวลา 5 ปี”

โอกาสแบบนี้ ไม่ได้มีให้กันง่ายๆ ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบากเช่นนี้ ก็ยิ่งต้องไปขอปรับโครงสร้างหนี้ให้เร็ว และ…

จำไว้เสมอว่า ความรู้ และทักษะ สำคัญยิ่งต่อการดำรงชีวิต 

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thairath.co.th/news/politic/2861628&ct=ga&cd=CAIyHDI4ODcxZTExZDQzMWVlYzA6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw1s-Qq6qeGi9bNDDOuxraba

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *