เมื่อเครื่องยนต์หลัก  “ท่องเที่ยว-ส่งออก” อ่อนแรง เศรษฐกิจไทยจะไปทางไหน?

เมื่อเครื่องยนต์หลัก -“ท่องเที่ยว-ส่งออก”-อ่อนแรง-เศรษฐกิจไทยจะไปทางไหน?
เมื่อเครื่องยนต์หลัก  “ท่องเที่ยว-ส่งออก” อ่อนแรง เศรษฐกิจไทยจะไปทางไหน?

เมื่อเครื่องยนต์หลัก  “ท่องเที่ยว-ส่งออก” อ่อนแรง เศรษฐกิจไทยจะไปทางไหน?

เศรษฐกิจไทยในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาเติบโตบนพื้นฐานของ 2 เครื่องยนต์หลักคือ “ส่งออกและการท่องเที่ยว” อย่างแท้จริง แม้ในยามที่การบริโภคในประเทศยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ หรือการลงทุนภาคเอกชนยังลังเลไม่กล้าขยับ รายได้หลักของประเทศส่วนใหญ่มาจากการค้าโลกและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน 

แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2568 สองเครื่องยนต์นี้เริ่ม “สะดุด” พร้อมกันและอาจถึงขั้น “ดับ” หากไม่มีมาตรการรับมือที่เหมาะสม ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับโจทย์ใหม่ที่ยากกว่าทุกช่วงที่ผ่านมา

แม้ไตรมาสแรก ปี 2568 การส่งออกไทย  โดยเฉพาะปริมาณการการส่งออกสินค้าขยายตัว 13.8% และการส่งออกบริการขยายตัว 12.3% ซึ่งเป็นผลมาจากการเร่งนำเข้าสินค้าจากประเทศปลายทางก่อนที่มาตรการภาษีของสหรัฐฯจะมีผลบังคับใช้ 90 วัน 

แต่แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังกลับเป็นลบ โดยเฉพาะจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งเตรียมบังคับใช้กับไทยในบางสินค้า และอาจมีมาตรการตอบโต้จากประเทศอื่นตามมา 

คาดการณ์เศรษฐกิจอาเซียนของ IMF

เมื่อพิจารณาโครงสร้างการส่งออกไทย พบว่า เรายังพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานผ่านจีนและอาเซียนเป็นหลัก หากจีนถูกสหรัฐฯ ปรับภาษี ไทยก็จะกระทบทันทีในฐานะ “ฐานการผลิตต่อเนื่อง” โดยเฉพาะในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร และชิ้นส่วนยานยนต์

ขณะเดียวกัน การนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีน เช่น วัตถุดิบและสินค้าอุปโภคบริโภค ก็กำลังบีบผู้ผลิตในประเทศให้แข่งขันยากขึ้น ทำให้การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมยังอ่อนแรง และมีแนวโน้มถูกแทนที่โดยสินค้านำเข้า 

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าตัวเลขที่น่ากังวลจะเป็นเรื่องการส่งออกเท่านั้น เพราะยังมีอีก 2 ตัวที่น่าจับตามอง ที่จะกดดันเศรษฐกิจไทยไปในช่วงหลายปีข้างหน้าคือ การบริโภคภาคเอกชน ที่ขยายตัวได้เพียง 2.6% เพราะปกติแล้ว การบริโภคภาคเอกชนจะมีขนาดประมาณ 55% ของเศรษฐกิจ เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย

ตัวเลขนี้ ควรจะขยายตัวได้ 5-6% แต่ช่วง 4 ไตรมาสสุดท้าย ขยายตัวได้เพียงประมาณ 3% กว่าๆ ส่วนหนึ่งคงเป็นผลจากการที่เศรษฐกิจไทยไม่ค่อยโต และอีกส่วนคงมาจากหนี้ครัวเรือนที่สูง 

ยิ่งน่ากังวลใจไปกว่านั้นคือ การผลิตของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งปกติเป็นภาคที่สร้างรายได้หลักของประเทศและมีสัดส่วนประมาณ 28% ของ GDP ช่วงที่ขยายตัวดีๆ จะเป็นหัวหอกในการผลักเศรษฐกิจไทย ช่วงปี 2543-2550 ขยายตัวที่ 9.5% และช่วงปี 2553-2561 ขยายตัวที่ 4.1% แต่ 5 ไตรมาสสุดท้าย ขยายตัวเฉลี่ยเพียง 0.5% หรือเครื่องยนต์นี้จะดับตามด้วย 

ขณะที่การท่องเที่ยว ข้อมูลจาก KKP Research ชี้ชัดว่า นักท่องเที่ยวจีนที่เคยเป็นกลุ่มหลักหดหายไปอย่างมีนัยสำคัญ และแนวโน้มอาจไม่ฟื้นตัวง่าย เพราะไม่ใช่แค่ภาวะชั่วคราว แต่เกิดจาก 3 ปัจจัยหลักคือ

  • การส่งเสริมท่องเที่ยวในประเทศของรัฐบาลจีน
  • พฤติกรรมที่เปลี่ยนจากกรุ๊ปทัวร์เป็น FIT ซึ่งมอง “คุณภาพ-ความปลอดภัย” มากกว่า “ราคา”
  • ภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของไทยในสายตาคนจีน ที่ถูกกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์ลักพาตัว การกวาดล้างธุรกิจสีเทา และภัยธรรมชาติ 

ในภาวะเช่นนี้ “การตลาดแบบเดิม” เช่น ลดแลกแจกแถม อาจไม่เพียงพอ ไทยต้องลงทุนด้าน “Soft Infrastructure” เช่น ความปลอดภัย สภาพแวดล้อม เมืองอัจฉริยะ และสร้าง Trust Economy ผ่านข้อมูลบวกบนโซเชียลมีเดียและเวทีระหว่างประเทศ 

รัฐบาลต้อง “เลิกคิดแบบเดิม” แล้ววางนโยบายการท่องเที่ยวรายกลุ่มเป้าหมาย (Segment-based strategy) ทั้งในแง่สถานที่ กิจกรรม และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานท้องถิ่น

เพราะแม้จีน จะหายไปบางส่วน แต่ตลาดยุโรปและอินเดียกลับฟื้นตัวแซงหน้าระดับก่อนโควิด โดยเฉพาะอินเดียที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วและพฤติกรรมใกล้เคียงนักท่องเที่ยวจีน แต่มีจุดสนใจเฉพาะ เช่น Nightlife และ Shopping ส่วนยุโรปนิยมแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรม-อาหาร-ของที่ระลึก 

เมื่อเครื่องยนต์ “ท่องเที่ยว” และ “ส่งออก” ที่เคยแบกรับเศรษฐกิจไทยเริ่มอ่อนแรง การหวังพึ่งแค่แรงเฉื่อยของอดีตอาจไม่เพียงพออีกต่อไป ไทยต้อง “เปลี่ยนวิธีคิด” จากการเติบโตด้วยปริมาณ ไปสู่การเติบโตบนฐานของคุณภาพและความยั่งยืน 

ภาครัฐต้องเดินเกมเร็ว รู้ทันโลก และกล้าปรับนโยบาย แม้ไม่เป็นที่นิยมในระยะสั้น เพื่อรักษาเสถียรภาพในระยะยาว  เพราะหากวันนี้เรายังเลือกไม่ลงมือ เศรษฐกิจไทยอาจไม่แค่ “ชะลอ” แต่กำลังเสี่ยงจะ “หลุดขบวน” ของภูมิภาคที่กำลังเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นทุกวัน

วิเคราะห์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,100 วันที่ 29 – 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thansettakij.com/economy/628748&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2KbT5sY_TG4rDY5TPJcwcd

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *