ถอดกลยุทธ์เมืองแห่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ‘ภูเก็ตไมซ์ซิตี้’

ภูเก็ตไมซ์ซิตี้ (Phuket MICE CITY) เป็นเมืองสำคัญระดับโลกด้านอุตสาหกรรมไมซ์ ซึ่งพัฒนาการจัดงานทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประชุมบริษัทและสมาคม ทั้งในระดับองค์กรภูมิภาค ไปจนถึงระดับนานาชาติ เป็นการจัดงานที่มุ่งเน้นบริการนักธุรกิจที่เข้าร่วมการประชุมและงานแสดงสินค้าเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นกิจกรรมที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งครบจบที่คำว่า ‘ท่องเที่ยว’  และปีที่แล้วเพิ่งคว้ารางวัล ‘เมืองเทศกาลโลก ปี 2024 มาครอง’ ได้สำเร็จ

ด้วยภูมิศาสตร์และกลยุทธ์ของเมืองที่มีความพร้อมทั้งเรื่อง การเดินทาง โดยท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตที่มีแผนขยายเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากปีละ 12.5 ล้านคน เป็น 18 ล้านคนต่อปี  ไม่นับการเดินทางภายนในเมืองที่มีขนส่งสาธารณะรองรับ และการเดินทางทางน้ำที่มีท่าเทียบเรือบริการมากกว่า 40 แห่ง

อันดับถัดมาคือ เรื่องที่พัก ซึ่งก็มีโรงแรงคุณภาพบริการในทุระดับ และหากพูดถึงอุตสาหกรรมไมซ์ก็ต้องบอกว่าภูเก็ตมีจำนวนห้องพักที่รองรับสำหรับการจัดงานขนาดใหญ่ระดับนานาชาติและ สถานที่จัดประชุมขนาดใหญ่ไว้บริการ  ผนวกกับ สถานที่ท่องเที่ยว รอบภูเก็ตซึ่งมีหลากหลายทั้งในส่วนของธรรมชาติและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวเพอรานากัน ท้ายสุดคือเรื่อง อาหาร ซึ่งภูเก็ตได้รับรางวัลจาก องค์การยูเนสโก (UNESCO) ประกาศยกย่องให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหาร (City of Gastronomy) มาแล้ว!

ภูเก็ตไมซ์ซิตี้ ประกอบด้วย 4 ย่านเมืองสร้างสรรค์ที่สำคัญ ได้แก่

The Old Town  

เมืองเก่าภูเก็ต ที่นอกจากจะเต็มไปด้วยความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ผสมผสานทางวัฒนธรรมเพอรานากันที่มีความแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ ของจังหวัดและประเทศไทย พื้นที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยธุรกิจท้องถิ่นที่สืบสานทั้งด้านอาหาร อาภรณ์ อาคาร อย่างครบครัน รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่สะท้อนเรื่องราวความเป็นภูเก็ตซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร 

ปัจจุบันพื้นที่เมืองเก่ายังขับเคลื่อนไปด้วยธุรกิจท้องถิ่นที่พร้อมจะเปิดพื้นที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวนานาชาติ แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะสืบสานวัฒนธรรมประเพณีของจังหวัดภูเก็ตด้วยการผลักดันสู่สากล

The North Wind

นอกจากทางตอนเหนือของเกาะภูเก็ตจะเป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกแล้ว ยังเป็นย่านธรรมชาติและการผจญภัยทางทะเลที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวอีกด้วย

วิถีชีวิตของคนในชุมชน เช่น ชุมชนท่องเที่ยวบ้านท่าฉัตรไชย ชุมชนบ้านไม้ขาว ชุมชนบางโรง และวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านเคียน ที่นอกจากจะสร้างประสบการณ์ใหม่แล้ว ยังได้ลิ้มลองอาหารพื้นเมืองที่ปรุงด้วยวัตถุดิบสดใหม่ บริเวณดังกล่าวยังเต็มไปด้วยโรงแรมระดับ 5 ดาว ติดหาดทรายที่สวยงามและสงบ พร้อมรองรับการจัดงานที่หลากหลาย และตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบายในการเดินทาง

The Lagoon

ย่านชิลล์ริมทะเลสาบของเกาะภูเก็ต เป็นที่ตั้งของโรงแรมและรีสอร์ทสุดหรู ซึ่งนอกจากจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันแล้ว ยังมีกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมแอดเวนเจอร์หรือโชว์สุดตระการตาที่ถ่ายทอดประวัติศาสตร์ความเป็นไทย หรือสัมผัสกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ 

บริเวณทางตอนกลางของเกาะภูเก็ตแห่งนี้ยังเปิดรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ให้ได้สัมผัสกับการประชุมท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงามของลากูนและชายหาด และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมเติมพลังและแรงบันดาลใจ ช่วยให้การออกแบบประสบการณ์ไมซ์มีชีวิตชีวา

The South Shore

หากพูดถึงจุดชมพระอาทิตย์ตกของประเทศไทย ที่แห่งนี้คือจุดที่ได้รับขนานนามอย่างล้นหลาม ซึ่งนอกจากแหลมพรหมเทพแล้ว ยังมีจุดท่องเที่ยวที่ทั่วโลกรู้จักอย่างหาดป่าตอง บริเวณทิศใต้ของจังหวัดภูเก็ตแห่งนี้นอกจากจะมีความสนุกสนานที่ไม่จำเจ ยังเต็มไปด้วยพื้นที่ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น อย่างวัดฉลองที่อยู่คู่กับความเลื่อมใสของคนภูเก็ตมาอย่างยาวนาน

ย่านชายฝั่งใต้แห่งนี้จึงพร้อมที่จะมอบประสบการณ์ให้นักเดินทางได้รับความสะดวกสบาย ประสบการณ์ที่หลากหลาย และบริการระดับสากล ในขณะเดียวกันก็อุดมไปด้วยอาหารท้องถิ่นและวัฒนธรรมประเพณีของคนในชุมชน 

แผน ‘3S’ กลยุทธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้อยู่นาน จ่ายหนัก กลับมาอีก

ในปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมไมซ์สามารถดึงดูดนักเดินทางได้ 25 ล้านคน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 3.28 แสนล้านบาท ถือเป็น 1.67% ของ GDP ประเทศ อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายของนักเดินทางไมซ์โดยรวมลดลงเฉลี่ย 18%

นี่จึงเป็นความท้าทายที่ทำให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ต้องออกแบบกลยุทธ์พร้อมกับเปิดตัว The Southern MICE District ซึ่งเป็นการพัฒนาย่านเศรษฐกิจไมซ์ ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคและเพิ่มขึ้นค่าให้กับพื้นที่ไมซ์ เพื่อกระจายไม่ให้การจัดงานกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพียงอย่างเดียว

The Southern MICE District : Phuket Series  คือ โครงการพัฒนาย่านเศรษฐกิจไมซ์ ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคและเพิ่มมูลค่าให้กับพื้นที่ไมซ์ ซึ่งการที่จะนำไปสู่เป้าหมายเช่นนี้ได้ คือการคิดค้นแนวคิดที่หาจุดเด่นเพื่อดูดดูดนักทางทางไมซ์ทั่วโลก นั่นก็คือแนวคิด ‘3S’ คือ

Stay longer – ใช้เวลาในประเทศไทยนานขึ้น  

Spend more – ใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น 

See you again – อยากเดินทางกลับมาประเทศไทยอีกครั้ง

ประกอบกับ 5 ยุทธศาสตร์สำคัญ ‘TCEB GO’ ได้แก่

1. ขยายตลาดไมซ์ใหม่ดันไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงาน มุ่งเน้นตลาดศักยภาพใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง และกลุ่ม BRICS รวมทั้งส่งเสริม Flagship Industry เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงานไมซ์ระดับนานาชาติ
2. พัฒนาที่จัดงาน เสริมเอกลักษณ์ รองรับทุกงานไมซ์ สร้างประสบการณ์แบบ Authentic Experience เพื่อเพิ่มโอกาสและกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมไมซ์ครอบคลุมในทุกพื้นที่
3. พัฒนานวัตกรรมไมซ์ อำนวยความสะดวกนักเดินทาง และยกระดับขีดความสามารถด้วย Thailand MICE One Stop Service ผ่านการใช้ Data Driven Experience ลดขั้นตอน กฎระเบียบ และขยาย MICE Lane Service ไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ เช่น สนามบินภูเก็ต เชียงใหม่ และอุดรธานี
4. พัฒนา Digital Transformation ตอบโจทย์ยุคสมัย โดยใช้ Big Data และ Streamline Office Operations เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการให้คล่องตัว ทันสมัย และตอบโจทย์การทำงานในยุคดิจิทัล
5. จัดงานตามแนวทาง ESG เสริมความยั่งยืน (Environmental, Social, and Governance) รวมทั้งออกแบบสถานที่จัดงานให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ความร่วมมือร่วมใจ โจทย์สำคัญ ผลักดัน ‘ภูเก็ตไมซ์ซิตี้’ ไปไกลกว่าที่เคย

หนึ่งในสิ่งที่สะท้อนถึงความพร้อมของจังหวัดภูเก็ตคือความร่วมมือร่วมใจของเครือข่ายภาคีทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชนในพื้นที่ต่อการรองรับงานระดับโลกได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น การเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหาร (UNESCO Creative Cities of Gastronomy Annual Conference 2024 หรือ UCCN 2024) และการคว้าชัยชนะเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก Global Sustainable Tourism Conference 2026 หรือ GSTC 2026 ในเดือนเมษายน 2569 ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นการสร้างหมุดหมายใหม่ด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยและทำให้จังหวัดภูเก็ตก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและไมซ์อย่างยั่งยืนได้ในอนาคต.