“ตำรวจท่องเที่ยว” ใช้กล้องเอไอติดตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ ประสานข้อมูลจาก บช.ก.หาผู้มีความผิดตามหมายจับ หรือเฝ้าระวัง ผ่านมาไม่ถึง 1 ปี จับกุมผู้ต้องหาได้ถึง 180 คน พื้นที่พัทยามากสุด 102 คน รองลงมาเป็น จ.เชียงใหม่ 54 คน เร่งติดตั้งกล้องเพิ่มพร้อมลงข้อมูลแก๊งมิจฉาชีพทั้งคนไทย-เทศอีกกว่า 600 คนเข้าไปด้วย เพื่อติดตามพฤติกรรมก่อนก่อเหตุทำลายการท่องเที่ยวไทย
ตำรวจท่องเที่ยวใช้เอไอจับโจรครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 พ.ค. พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท.เผยว่า จากนโยบายและข้อสั่งการของ ผบ.ตร.ให้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนาปรับใช้กับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจทุกหน่วย เพื่อความรวดเร็วในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในยุคปัจจุบัน กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ริเริ่มนำเทคโนโลยีกล้องปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ (Artificial Intelligence) ที่เชื่อมต่อข้อมูลบุคคลตามหมายจับกับฐานข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) มาติดตั้งในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อคัดกรองบุคคลที่เคยกระทำความผิดและมีหมายจับ รวมถึงบุคคลกลุ่มเสี่ยง ป้องกันไม่ให้เข้ามาก่อเหตุกับนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ อันเป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว
“ผมสั่งการให้เริ่มนำเทคโนโลยีกล้องเอไอที่เชื่อมต่อข้อมูลบุคคลตามหมายจับกับฐานข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมาติดตั้งในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อคัดกรองบุคคลที่เคยกระทำความผิดและมีหมายจับ รวมถึงบุคคลกลุ่มเสี่ยง ป้องกันไม่ให้เข้ามาก่อเหตุกับนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ อันเป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ระหว่างเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจท่องเที่ยว 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่” ผบช.ทท.กล่าว
พล.ต.ท.ศักย์ศิรากล่าวต่อว่า ยกตัวอย่างกรณีกล้องเอไอที่เชื่อมข้อมูลบุคคลตามหมายจับกับฐานข้อมูลของ บช.ก.แจ้งเตือนว่า ตรวจพบบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 676/2568 ลงวันที่ 21 พ.ค. นายพรพงษ์ พงค์พียะ อายุ 26 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ทำให้เสียทรัพย์ และพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ เข้าตรวจสอบยืนยันตัวบุคคล สอบถามนายพรพงษ์ยืนยันว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อน จึงจับกุมตัวนำส่ง สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
“กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเริ่มนำระบบกล้องเอไอมาใช้ตั้งแต่เดือน ก.ค.2567 ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ สามารถจับกุมบุคคลตามหมายจับรายแรกได้วันที่ 19 ก.ค.67 จนถึงปัจจุบันสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วรวม 180 คน แบ่งเป็นในพื้นที่ จ.ชลบุรี (เมืองพัทยา) 102 คน จ.เชียงใหม่ 54 คน จ.นครราชสีมา 21 คน และ จ.สมุทรปราการ (สนามบินสุวรรณภูมิ) 3 คน” ผบช.ทท.กล่าว
พล.ต.ท.ศักย์ศิรากล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังนำข้อมูลบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่มีพฤติกรรมเป็นกลุ่มแก๊ง หรือเคยการกระทำความผิดในแหล่งท่องเที่ยว อาทิ แก๊งล้วงกระเป๋าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แก๊งแลกเงิน จำนวนกว่า 600 คน ลงไว้ในฐานข้อมูลการตรวจจับด้วย หากบุคคลกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้เข้ามาในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ระบบจะแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อจะเฝ้าระวัง ตรวจสอบ ติดตามดูพฤติกรรม อันเป็นการป้องกันไม่ให้บุคคลกลุ่มนี้ก่อเหตุกับนักท่องเที่ยว ตอนนี้ขยายการติดตั้งระบบกล้องเอไอให้ครอบคลุมพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศ เพื่อดูแลความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแล้ว
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thairath.co.th/news/local/2860398&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw0UhKEtpKqSqhlNE16Qv2P4