เว็บไซต์รัฐบาลไทย

“อนุทิน” ประชุมผู้ว่าฯ 17 จังหวัดภาคเหนือ ย้ำ เตรียมรับมือสาธารณภัยอย่างเป็นระบบ จัดระเบียบสังคมอย่างเข้มข้น ด้านปลัด มท. กำชับ ทุกจังหวัดได้จัดส่งโครงการตามแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจฯ

“อนุทิน” ประชุมผู้ว่าฯ 17 จังหวัดภาคเหนือ ย้ำ เตรียมรับมือสาธารณภัยอย่างเป็นระบบ จัดระเบียบสังคมอย่างเข้มข้น ด้านปลัด มท. กำชับ ทุกจังหวัดได้จัดส่งโครงการตามแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน ตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่กำหนด

เมื่อวานนี้ (23 พ.ค. 68) เวลา 11.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานประชุมขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทยร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ผู้ว่าราชการจังหวัด 17จังหวัดภาคเหนือ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสถาบันผ้าทอมือหริภุญชัย อบจ.ลำพูน ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน

นายอนุทิน กล่าวว่า ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแต่น้ำท่วมหรือน้ำแล้ง แต่รวมไปถึงดินสไลด์ ฝุ่นพิษ อากาศเป็นพิษ ซ้ำร้ายเมื่อมีดินสไลด์ ดินโคลนไหลมาก็ไปอุดท่อ กลายเป็นปัญหาต่อปัญหา ซึ่งด้วยประสบการณ์การเรียนรู้ถอดบทเรียนในปีที่ผ่านมา ทำให้ในปีนี้ต้องมีความพร้อมมากขึ้น สามารถแจ้งเตือนและให้ข้อมูลประชาชนในการเตรียมตัวรับมือได้ผ่านระบบ Cell Broadcast ซึ่งได้มีการทดสอบแล้ว สามารถใช้การได้ดี และภายในกลาง เดือนมิ.ย. 68 นี้ โดยความร่วมมือของฝ่ายข้าราชการประจำ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการช่วยทั้งเรื่องจัดหาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ และการซักซ้อมแผนเผชิญ จัดเตรียมพื้นที่ในการอพยพผู้คนหากเกิดเหตุ จะทำให้สามารถรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

“ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยรับมือในมิติการบรรเทาเยียวยา ต่อไปจึงต้องหันมาให้ความสำคัญกับระบบป้องกัน ด้วยการประสานกับคณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย คือสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพราะหากเราคำนวณเม็ดเงินที่ลงไปกับการช่วยเหลือเยียวยาเปลี่ยนมาเป็นการจัดทำระบบป้องกัน เช่นแหล่งกักเก็บน้ำ ก็จะเกิดประโยชน์จากมหาศาล” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ด้านการขับเคลื่อนเรื่องการจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล ขอยืนยันว่าไม่มีใครวิ่งกระทรวงมหาดไทยในยุคนี้ได้ ทั้งเรื่องบ่อนการพนัน สถานบริการผิดกฎหมาย การค้าประเวณี ค้ามนุษย์ ยาเสพติด อาวุธ ต้องไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย ขอให้ผู้ว่าฯ เข้มงวดกับมาตรการนี้ต่อไปและไม่ต้องเกรงกลัวต่ออิทธิพลใด ๆ ต้องร่วมกันทำให้สังคมเกิดความปลอดภัยสูงสุด เช่นเรื่องอาวุธปืน ในตอนนี้ไม่มีใครในประเทศไทยสามารถพกพาอาวุธปืนออกจากบ้านตัวเองได้ เว้นแต่ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เพราะตั้งแต่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ไม่มีการอนุญาตให้ต่อใบอนุญาตเกี่ยวกับอาวุธปืน และใบอนุญาตพกพาก็มีอายุแค่ปีเดียว ตนเข้ามา 2 ปีแล้ว ดังนั้นใบอนุญาตหมดอายุไปหมดแล้ว การพกพาอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ไม่มีการสามารถแก้ตัวว่าเอาไว้ป้องกันตัวเอง หรือว่ามีเหตุผลใด ๆ

นอกจากนี้  ขอให้ผู้ว่าฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจเช่นเดียวกับทุกประเทศทั่วโลก  ต้องมีแนวทางในการพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด ท่องเที่ยวต้องไม่มี low season มียุทธศาสตร์ส่งเสริม สร้างแรงจูงใจแรงดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับพื้นที่ด้วยศักยภาพทรัพยากรทางธรรมชาติของจังหวัดต่างๆ  อาทิ แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ น่าน

ด้าน นายอรรษิษฐ์ ได้กล่าวถึงการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 1) ให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดได้จัดส่งโครงการตาม “แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท” เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่กำหนด มายังกระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 26 พ.ค. 68 เพื่อเสนอรมว.มหาดไทย พิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนจัดส่งไปยังสภาพัฒน์ฯ สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง พิจารณาต่อไป  2) ให้ผู้ว่าฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องการข่าว โต๊ะข่าว โดยกำชับนายอำเภอ และปลัดอำเภอประจำตำบล ต้องประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องรู้ว่าในพื้นที่มีเหตุการณ์อะไร เพื่อสามารถป้องกันหรือดำเนินการได้อย่างทันท่วงที และ 3) เรื่องการป้องกันอุทกภัย ซึ่งภาคเหนือเป็นต้นน้ำที่จะส่งน้ำไปภาคกลาง จึงขอให้ร่วมกับ อปท. เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์และปรับแผนเผชิญเหตุให้สามารถทำได้ทันที โดยเฉพาะเรื่องพื้นที่สำหรับอพยพประชาชน ต้องพร้อมทันทีและถูกสุขลักษณะ