การตัดสินใจของรัฐบาลไทยชะลอโครงการแจกเงินดิจิทัล และปรับใช้เงินจำนวน 1.57 แสนล้านบาท เพื่อใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม การบริหารจัดการนํ้า การท่องเที่ยว เพื่อรับมือกับผลกระทบจากสงครามการค้า นโยบายภาษีของสหรัฐฯ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลง และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากสงครามการค้า และการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เคยเสนอให้มีการทบทวน และนำเสนอโครงการใหม่ๆ ที่สามารถช่วยพยุงเศรษฐกิจได้
หลายฝ่ายมองว่า เป็นเรื่องที่ดี อัดฉีดเม็ดเงินกระจายลงสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากเหมือนที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ต่างจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งก่อนๆ เพราะเศรษฐกิจไทย เปรียบเหมือนคนกำลังป่วยโคม่า เพราะไม่ว่ารัฐบาลใช้มาตรการอะไรมากระตุ้น ก็ไม่ตอบสนอง
ตอกยํ้า สภาพัฒน์ ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย ทั้งปี 2568 เหลือ 1.8% จากเดิมที่เคยประเมินไว้ที่ 2.8% ยังไม่รวมอีกหลายสำนัก ทั้งไทย และต่างประเทศ ที่กดจีดีพีไทย และความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจไทย ที่โตตํ่าดำดิ่งจนถึงขั้นอาจจะติดลบ เมื่อเจอสถานการณ์กำแพงภาษีสหรัฐฯ ช่วงครึ่งปีหลัง
ดังนั้น ประเมินได้ว่า เม็ดเงินที่โยกมาจากเงินดิจิทัล นอกจากช้าเกินไปแล้ว ยังน้อยเมื่อเทียบจากรัฐบาลชุดก่อนๆ อยู่ที่ 4-5 แสนล้านบาท จึงมองว่าไม่ง่ายที่จะฟื้นกำลังซื้อให้กลับมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่หลายหน่วยงานภาครัฐกำลังวางแผน นำโครงการออกมา
ทั้ง โครงการบริหารจัดการนํ้า โครงการซ่อมสร้างถนนขนาดเล็ก
รวมถึงโครงการต่างๆ ในชุมชน ซึ่งกว่าจะเบิกจ่าย เกิดการจ้างงาน แรงงานนำเงินไปจับจ่าย ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ต้องใช้เวลาหมุนเงินลงสู่ฐานราก
ขณะข้อเสนอแนะจากนักวิชาการเกี่ยวกับความจำเป็น ในการปรับปรุงเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างในระยะยาว แทนที่จะพึ่งพามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และข้อเสนอแนะที่ว่า ไทยควรดำเนินการเชิงรุกและเตรียมแผนรับมืออย่างรอบด้าน
โดยควรตั้งวอร์รูมเศรษฐกิจการค้า ทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และ นักเศรษฐศาสตร์อิสระ ควรเจรจากับสหรัฐฯ อย่างมืออาชีพ และนี่คือทางออกที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ!!!
หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,099 วันที่ 25 – 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thansettakij.com/columnist/editorial/628231&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2B8Tk_JZY3R5HTbon4vYM5