เหตุใดนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังเตรียมรับมือ “การระบาดใหญ่ของไข้หวัดนก”

A farmworker in full protective suit, mask with respirator and rubber gloves holds up a chicken

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, เชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ที่ก่อโรคติดต่ออย่างรุนแรง ปัจจุบันแพร่ระบาดไปถึงทุกทวีปทั่วโลกแล้ว ยกเว้นภูมิภาคออสตราเลเชีย (Australasia)
  • Author, แอนเจลา เฮนแชล
  • Role, บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส
  • Reporting from รายงานจากกรุงลอนดอน

นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้พากันส่งสัญญาณเตือน ว่ากำลังจะเกิดการระบาดใหญ่ของไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 หากประเทศต่าง ๆ ไม่เร่งดำเนินมาตรการป้องกันควบคุมโรคติดต่อเสียแต่บัดนี้ หลังจากมีรายงานข่าวการระบาดของไข้หวัดนกในฟาร์มปศุสัตว์นับพันแห่ง ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

บรรดานักวิจัยที่ศึกษาเรื่องการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ กล่าวเตือนเป็นพิเศษต่อทางการสหรัฐฯ ถึงความเสี่ยงด้านสาธารณสุขว่า ขณะนี้รัฐบาลสหรัฐฯ อาจไม่ทราบว่าสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดนกในประเทศ ได้ล่วงเลยเข้าขั้นวิกฤตและพลาดโอกาสในช่วงที่ยังพอจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ไปแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นขาดการตรวจตราเฝ้าระวังที่รัดกุมและครอบคลุมทุกพื้นที่

ปัจจุบันเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ที่ก่อโรคติดต่ออย่างรุนแรง ได้แพร่ระบาดไปถึงทุกทวีปทั่วโลกแล้ว ยกเว้นภูมิภาคออสตราเลเชีย (Australasia) ซึ่งก็คือออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในบางครั้งภูมิภาคนี้ยังหมายรวมถึงบางส่วนของปาปัวนิวกินีและหมู่เกาะโดยรอบด้วย

ไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ยังแพร่ระบาดไปถึงดินแดนอันห่างไกล แม้แต่ประชากรบางส่วนของเพนกวินที่ทวีปแอนตาร์กติกา และสัตว์ที่เป็นพาหนะในทะเลทรายอย่างอูฐของภูมิภาคตะวันออกกลาง ก็ยังติดเชื้อไวรัสดังกล่าว ส่วนข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ (USDA) ระบุว่าทั้ง 50 รัฐของประเทศ ล้วนพบการติดเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในประชากรสัตว์ป่าอย่างนกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด นอกจากนี้ยังมีรายงานการติดเชื้อในมนุษย์ 70 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย

รศ.ดร.เคทลิน ริเวอร์ส รองศาสตราจารย์ด้านสาธารณสุขศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ของสหรัฐฯ บอกว่ารัฐบาลสหรัฐฯ สองชุดที่ผ่านมา ทั้งรัฐบาลภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำประเทศคนปัจจุบัน ต่างก็ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป จนพลาดโอกาสสำคัญในการยับยั้งโรคระบาดอย่างไข้หวัดนก

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and continue reading

ได้รับความนิยมสูงสุด

  • A giant dinosaur toe bone on the banks of a steep rocky river verge in Canada.

  • พระบรมฉายาลักษณ์

  • Guests throwing confetti over bride and groom as they walk past after their wedding ceremony.

  • Woman starring at the mirror

End of ได้รับความนิยมสูงสุด

รศ.ดร.ริเวอร์ส ยกตัวอย่างถึงมาตรการกักกันโรคก่อนหน้านี้ ซึ่งแต่ละรัฐต่างก็บังคับใช้มาตรการดังกล่าวไม่เหมือนกัน โดยไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์ให้เป็นมาตรฐานว่า สามารถจะขนส่งปศุสัตว์ข้ามพรมแดนของแต่ละรัฐไปได้ในกรณีใดบ้าง และในสถานการณ์แบบไหนที่ห้ามขนย้ายปศุสัตว์อย่างเด็ดขาด

“ไข้หวัดนกไม่ใช่ปัญหาชั่วครั้งชั่วคราว แม้ก่อนหน้านี้หลายคนจะคาดการณ์กันผิด ๆ ว่า มันจะปะทุขึ้นน้อยครั้งลงและค่อย ๆ จางหายไปเอง แต่ตอนนี้พวกเขาเกิดความตระหนักแล้วว่า มันเป็นปัญหาที่ต้องเข้าไปบริหารจัดการเพื่อแก้ไขอย่างจริงจัง” รศ.ดร.ริเวอร์ส กล่าวอธิบาย “สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการตรวจหาเชื้อ เพื่อค้นหาว่ามีการติดเชื้อในคนหรือไม่ เราต้องทราบถึงแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงของการระบาด เพราะการติดเชื้อในคนคือภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุด”

A graphic showing how avian influenza viruses can spread in to other mammal species including humans

คำบรรยายภาพ, เชื้อไวรัสไข้หวัดนกแพร่ระบาดโดยติดต่อจากสัตว์ไปสู่คนได้ เริ่มจากนกป่าอพยพที่มักจะเป็นนกน้ำ ส่งต่อเชื้อโรคให้กับสัตว์ปีกในฟาร์ม ทำให้เชื้ออาจติดต่อไปยังปศุสัตว์อย่างวัวและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ ส่วนการติดเชื้อจากสัตว์สู่คนนั้นเกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็เป็นไปได้ในกรณีที่มนุษย์ติดเชื้อจากสัตว์ปีก วัว และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

ไข้หวัดนกจะเกิดการระบาดใหญ่เหมือนโควิดหรือไม่

เหล่านักระบาดวิทยากำลังห่วงกังวลอย่างยิ่งว่า การระบาดใหญ่ของโรคติดต่อร้ายแรงครั้งต่อไปที่จะเกิดขึ้นทั่วโลก คงไม่พ้นการระบาดใหญ่ของไข้หวัดนก ซึ่งหลายประเทศรวมถึงสหรัฐฯ ด้วยนั้น น่ากลัวว่ายังไม่พร้อมจะรับมือกับสถานการณ์ยุ่งยากดังกล่าวได้

ศ.นพ.คัมราน ข่าน อาจารย์แพทย์จากมหาวิทยาลัยโทรอนโตของแคนาดา บอกว่า “ถ้าเราให้โอกาสมันปรับตัวและมีวิวัฒนาการมากพอจนสามารถติดต่อไปยังสัตว์ชนิดอื่น ๆ ได้ เรื่องที่น่าห่วงก็คือ การระบาดของไข้หวัดนกในสัตว์ต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ ในตอนนี้ จะเป็นปัจจัยกระตุ้นที่นำไปสู่การระบาดใหญ่อีกครั้งได้หรือไม่ บันทึกทางการแพทย์ในอดีตได้บอกให้เรารู้ว่า เชื้อไวรัส H5N1 เป็นอันตรายร้ายแรงต่อมนุษย์มาโดยตลอด”

นับตั้งแต่เดือนพ.ย. ของปี 2003 เป็นต้นมา รายงานขององค์การอนามัยโลกระบุว่า พบการติดเชื้อไข้หวัดนกในคนแล้ว 700 ราย ใน 15 ประเทศ โดยพบกรณีการติดเชื้อในมนุษย์มากที่สุดที่อินโดนีเซีย เวียดนาม และอียิปต์

แม้ไข้หวัดนกจะไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ แต่บรรดานักวิทยาศาสตร์ต่างเป็นกังวลว่าจะเกิดการระบาดใหญ่ด้วยเหตุผล 3 ประการ ข้อแรกคือพบการแพร่ระบาดในวงกว้าง ในหมู่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมถึงอย่างน้อย 70 ชนิดพันธุ์ ตามการรายงานของสหประชาชาติ ทั้งในบรรดาปศุสัตว์และคนงานในฟาร์ม ไปจนถึงสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงตามบ้านเรือนอย่างหมาแมว

เหตุผลข้อสองที่ทำให้สถานการณ์การระบาดของไข้หวัดนกน่าเป็นห่วง ก็คือการแพร่ลามระบาดอย่างรวดเร็วในฝูงวัวนม ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีโอกาสสัมผัสใกล้ชิดกับมนุษย์ได้มาก ส่วนเหตุผลประการสุดท้าย คือการที่ระบบสาธารณสุขของสหรัฐฯ กำลังสั่นคลอนไร้เสถียรภาพ ภายใต้นโยบายใหม่ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ปลดผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อหลายตำแหน่งออกจากองค์กรของรัฐฯ ส่งผลให้โครงการตรวจตราเฝ้าระวังไข้หวัดนกต้องถูกระงับไป นอกจากนี้ นโยบายที่เข้มงวดกับคนต่างด้าว ยังทำให้แรงงานในฟาร์มที่เป็นผู้อพยพจากต่างประเทศ ไม่กล้าเข้ารับการตรวจหาเชื้อไข้หวัดนก เพราะเกรงว่าอาจจะถูกเนรเทศได้

Close up shot of a very young dairy calf

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, วัวจำนวนมากในสหรัฐฯ ติดเชื้อไข้หวัดนก โดยพบการระบาดในฝูงวัวนมกว่าหนึ่งพันฝูง

มนุษย์ติดไข้หวัดนกได้ไหม ?

ความเสี่ยงที่ไข้หวัดนกซึ่งเป็นโรคที่สามารถติดต่อจากสัตว์สู่คน (zoonotic disease) จะกลายไปเป็นโรคติดต่อร้ายแรง จนเกิดการระบาดใหญ่จากคนสู่คนด้วยกันเองได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าในอนาคตเชื้อไวรัส H5N1 จะสามารถพัฒนาพันธุกรรมของตนเองให้แพร่กระจายตัวในลักษณะนี้ได้หรือไม่ แต่เท่าที่ผ่านมา ยังไม่เคยพบการรายงานกรณีไข้หวัดนกที่ติดต่อจากคนสู่คนแต่อย่างใด

เมื่อเดือนเม.ย.ของปีนี้ องค์การอนามัยสัตว์โลก (WOAH) พบการรายงานไข้หวัดนกระบาดในฟาร์มสัตว์ปีก 59 ครั้ง และยังมีการรายงานกรณีที่นกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ ติดเชื้อไข้หวัดนกอีก 44 ครั้ง ในทวีปอเมริกา เอเชีย และยุโรป ส่วนกรณีการติดเชื้อไข้หวัดนกในคนนั้น นับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2024 เป็นต้นมา พบผู้ติดเชื้อที่สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร อินเดีย เม็กซิโก กัมพูชา และเวียดนาม

A research scientist in yellow protective PPE observes a seal in Antarctica

ที่มาของภาพ, Anadolu/Getty Images

คำบรรยายภาพ, พบการติดเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในแมวน้ำช้างและแมวน้ำขนปุยที่ทวีปแอนตาร์กติกาด้วย

ในช่วงหลายสิบปีก่อนหน้านี้ เชื้อไข้หวัดนกเป็นเพียงไวรัสที่ติดต่อกันเฉพาะในหมู่สัตว์ปีก โดยก่อปัญหาสุขภาพให้กับคนน้อยมาก แต่ปัจจุบันเกิดการติดเชื้อระหว่างสัตว์ต่างชนิดพันธุ์ในวงกว้าง โดยเริ่มพบได้บ่อยครั้งขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ “ในแง่ของชีววิทยาแล้ว นี่คือการติดต่อแบบกระโดดข้ามกำแพงที่กั้นขวางระหว่างสัตว์ต่างสปีชีส์ ไม่ใช่แค่การติดต่อจากเป็ดไปสู่นกพิราบหรืออะไรทำนองนั้น” รศ.ดร.ริเวอร์ส กล่าว “ความเป็นไปได้นี้จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และความเสี่ยงที่มันจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ก็จะเพิ่มขึ้นทุกวัน”

หากไม่สามารถกักกันและควบคุมโรคได้แต่เนิ่น ๆ รศ.ดร.ริเวอร์ส กล่าวเตือนว่าจะเกิด “การอัปเกรดอย่างฉับพลัน” ของเชื้อไข้หวัดนกอย่างแน่นอน “เรารู้ดีว่ามันเป็นเชื้อไวรัสที่ชอบปรับตัวเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ผู้เชี่ยวชาญต่างเป็นกังวลกันมานานแล้วว่า ยิ่งปล่อยให้มันเกิดการติดต่อภายในสัตว์หลายชนิดนานขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีหนทางที่มันจะปรับตัวกลายพันธุ์ได้มากขึ้นเท่านั้น มันสามารถจะเดินหน้าพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้แรงส่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญ”

เนื่องจากนกไม่รู้ว่ามีพรมแดนระหว่างประเทศ เหล่านักวิทยาศาสตร์จึงห่วงกังวลอย่างยิ่งว่า เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูกาลอพยพย้ายถิ่นในฤดูใบไม้ผลิ ฝูงนกอพยพในสหรัฐฯ จะทำให้สถานการณ์การระบาดของไข้หวัดนกเลวร้ายยิ่งขึ้น

A vet vaccinates at baby chicken on a poultry farm in China

ที่มาของภาพ, China Photos / Stringer/ Getty Images

คำบรรยายภาพ, จีน เม็กซิโก อินเดีย และฝรั่งเศส ได้ฉีดวัคซีนไข้หวัดนกให้กับสัตว์ปีกของตนมานานหลายปีแล้ว

เรามีวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกหรือยัง

การฉีดวัคซีนไข้หวัดนกให้กับสัตว์เลี้ยงในฟาร์มนั้น ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไม่จบ เพราะแม้เกษตรกรจะอยากฉีดวัคซีนให้กับสัตว์ปีกทุกตัว ตั้งแต่เป็ด ไก่ ไปจนถึงห่าน เพื่อหลีกเลี่ยงการฆ่าทิ้งทั้งฝูงเมื่อเกิดโรคระบาด แต่การฉีดวัคซีนในลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

ดร.มูนีร์ อิกบัล หัวหน้ากลุ่มวิจัยไข้หวัดนกและโรคนิวคาสเซิล ประจำสถาบันพีร์ไบรต์ (Pirbright Institute) ของสหราชอาณาจักร บอกว่าการฉีดวัคซีนให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคสำหรับสัตว์ปีกฝูงใหญ่นั้น ทำได้ยากมากเพราะปัจจัยแวดล้อมที่เป็นอุปสรรคหลายประการ เช่นในท้องตลาดอาจมีวัคซีนจำหน่ายไม่เพียงพอ ทำให้ฟาร์มหลายแห่งฉีดวัคซีนให้เป็ดไก่ของตนได้เพียงบางส่วน และมีโอกาสที่ประชากรสัตว์ในฟาร์มแห่งนั้นจะบ่มเพาะเชื้อที่ต้านทานวัคซีนขึ้นมาได้ด้วย

“ผมขอยกตัวอย่างฝรั่งเศส ซึ่งฉีดวัคซีนให้ฝูงเป็ดของพวกเขามาโดยตลอด อัตราการติดเชื้อไข้หวัดนกที่นั่นต่ำมาก การหมุนเวียนแพร่กระจายเชื้อในท้องถิ่นลดลง ทว่านั่นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละภูมิภาคด้วย” ดร.อิกบัลกล่าว

ปัจจุบันสหภาพยุโรปกำลังเตรียมวางแนวทาง เพื่อให้ชาติสมาชิกทุกประเทศสามารถฉีดวัคซีนสัตว์ปีกได้เหมือนกันทั้งหมด แต่ก็ยังมีปัญหาตรงที่ว่า สัตว์ปีกในฟาร์มที่ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังเป็นพาหะของเชื้อ H5N1 ได้ ซ้ำยังสามารถส่งต่อเชื้อจนโรคสามารถติดต่อกลับไปยังประชากรนกป่าด้วย

ส่วนรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พยายามต่อต้านการบังคับฉีดวัคซีนสัตว์ปีกมานานนั้น เกรงว่าการฉีดวัคซีนจะทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารที่เกี่ยวเนื่องกับสัตว์ปีกของตนไม่สามารถส่งออกได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ได้อนุมัติการใช้แบบมีเงื่อนไข ให้กับวัคซีนไข้หวัดนกรุ่นใหม่สำหรับสัตว์ปีกในฟาร์มแล้ว

Professor Ian Brown head of Avian Virology at the Pirbright Institute in Woking in the UK

คำบรรยายภาพ, ศ.เอียน บราวน์ หัวหน้าแผนกปักษีไวรัสวิทยาของสถาบันพีร์ไบรต์ในอังกฤษ เรียกร้องให้ทั่วโลกเพิ่มการเฝ้าระวังการระบาดของไข้หวัดนก

ฉีดวัคซีนไข้หวัดนกให้คนด้วยดีหรือไม่

หน่วยงานของรัฐหลายแห่งในสหรัฐฯ และในอีกหลายประเทศ ได้เตรียมกักตุนวัคซีนไข้หวัดนกสำหรับคนจำนวนหลายล้านโดสเอาไว้เรียบร้อยแล้ว “อย่างไรก็ตาม วัคซีนนี้เตรียมไว้ฉีดให้กับผู้มีความเสี่ยงสูง อย่างเช่นคนงานในฟาร์มสัตว์ปีก หรือผู้ที่ต้องใกล้ชิดสัมผัสกับสัตว์เป็นประจำเท่านั้น” ศ.นพ. ข่าน อธิบาย

Professor of Medicine at the University of Toronto, Kamran Khan

คำบรรยายภาพ, ศ.นพ.คัมราน ข่าน ยังเป็นผู้ก่อตั้ง BlueDot บริษัทเทคโนโลยีเฝ้าระวังภัย ที่เคยเตือนถึงการระบาดของไวรัสในจีน ซึ่งต่อมากลายเป็นการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19

“หากเชื้อไข้หวัดนกที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ทำให้เกิดการระบาดใหญ่ขึ้นจริง ๆ เราจะใช้ไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวพัฒนาวัคซีนตัวใหม่ที่ดีกว่า และจะผลิตวัคซีนนั้นออกมาในปริมาณมากต่อไป”

ศ.นพ.ข่านยังกล่าวเสริมว่า แม้จะต้องใช้เวลานานในการผลิตวัคซีน เพื่อให้ได้จำนวนโดสที่เพียงพอต่อภาคการเกษตรทั่วโลก แต่วัคซีนที่มีสำรองในคลังขณะนี้ ก็น่าจะพอช่วยยับยั้งการระบาดได้ “สิ่งที่เรามีในตอนนี้ แม้จะไม่ใช่วัคซีนที่เหมาะสมกับเชื้อ H5N1 รุ่นปัจจุบันมากที่สุด แต่ก็น่าจะสร้างภูมิคุ้มกันในหมู่ประชากรมนุษย์ขึ้นมาได้บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นของการระบาดใหญ่”