21 พ.ค. 2025 เวลา 19:05 น.
“สุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์” นายกฯ PUBAT ดันอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ไทยฝ่าคลื่นวิกฤติ เดินหน้า “ปรับตัว” พร้อมติดอาวุธ กว้านพันธมิตร ปักหมุดต่อยอดสู่ศูนย์กลางหนังสือโลก
“สุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์” นายกฯ PUBAT ดันอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ไทยฝ่าคลื่นวิกฤติ เดินหน้า “ปรับตัว” พร้อมติดอาวุธ กว้านพันธมิตร ปักหมุดต่อยอดสู่ศูนย์กลางหนังสือโลก
ในห้วงเวลาที่อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ทั่วโลกและประเทศไทยเผชิญความท้าทายจากพายุเศรษฐกิจ การดิสรัปจากการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีล้ำสมัยและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัลใช้ชีวิตเกาะติดโลกออนไลน์
หากแต่วงการหนังสือไทยเติบโตอย่างโดดเด่น! สะท้อนผ่านบิ๊กอีเวนต์ประจำปีมหกรรมหนังสือแห่งชาติ 2 ปีที่ผ่านมา สร้างกระแสดึงดูดคลื่นมหาชนเข้ามาสัมผัสประสบการณ์และภาพลักษณ์ใหม่อย่างล้นหลาม
ภายใต้การนำทัพของ สุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) รวมทั้งคณะกรรมการ “คนรุ่นใหม่” ไฟแรง เดินหน้าติดอาวุธสำนักพิมพ์ให้ทันสมัยด้วยเทคโนโลยี ยกระดับผู้ประกอบการไทย ขยายโอกาสสู่ตลาดต่างประเทศ สานเป้าหมายผลักดันไทยปักหมุดเป็น “ศูนย์กลางหนังสือโลก” ภายใน 10 ปี
“การยืนหยัดและอยู่รอดได้ท่ามกลางวิกฤติมาจากการปรับตัว ติดอาวุธให้ผู้ประกอบการในวงการหนังสือ ด้วยการจัดอบรมเสริมความรู้หลากหลายด้าน โดยเฉพาะการใช้สื่อออนไลน์ และแพลตฟอร์มใหม่ๆ เช่น TikTok มีผู้เชี่ยวชาญมาเป็นมีเดียพาร์ตเนอร์ ช่วยให้สมาชิกปรับตัวกับการตลาดรูปแบบใหม่ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีมาก”
สุวิช ย้ำว่า “ความสำเร็จในวันนี้เกิดจากทีมเวิร์กที่ดี มีความครบเครื่องทั้งองค์ความรู้ ทักษะหลากหลาย ความคิดสร้างสรรค์กว่า 70% ของคณะกรรมการเป็นคนรุ่นใหม่ อายุ 30-40 ปี ผนวกกับคณะกรรมการที่มีคุณวุฒิ เปี่ยมประสบการณ์ ทำให้สร้างสรรค์และบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ”
พร้อมฉายแนวทางขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ต่อไปว่า สมาคมฯ ขยายการจัดงานหนังสือสู่เมืองรองมากขึ้น เช่น นครสวรรค์ จันทบุรี ศรีราชา เพื่อให้หนังสือคุณภาพเข้าถึงผู้อ่านทั่วประเทศอย่างเท่าเทียม พร้อมผลักดันงานซื้อขายลิขสิทธิ์ “Bangkok Rights Fair” จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ก้าวสู่งานที่มีการซื้อขายลิขสิทธิ์หนังสือข้ามชาติ อย่าง Bangkok Rights Fair 2025 มีีการซื้อขายลิขสิทธิ์ภายในงานถึง 271 คู่ จากผู้เข้าร่วม 135 บริษัท ใน 14 ประเทศ/เขตแดน มียอดซื้อขายลิขสิทธิ์มากกว่า 68 ล้านบาท
การนำทัพธุรกิจหนังสือไทยไปสู่ตลาดโลก…สิ่งที่เห็นชัดเจนจาก 3 ปีก่อน อย่างบูธหนังสือไทยในงาน Book Exhibition ในต่างประเทศ เดิมเป็นเพียงบูธเล็กๆ แทบไม่มีการตกแต่ง แต่งานที่ “ไต้หวัน” ล่าสุด ไทยเป็นหนึ่งในบูธจากต่างประเทศที่มีผู้เข้าชมติดอันดับท็อปของงาน
สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ปรับเปลี่ยน แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว! นำสู่การเป็น Guest of Honor ของไทยในงาน Taipei International Book Exhibition 2026 ซึ่งจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ Taipei Book Fair Foundation เพื่อเข้าร่วมงานดังกล่าว ตั้งเป้ามี 30 สำนักพิมพ์ไทยเข้าร่วมงาน มีมูลค่าการขายลิขสิทธิ์ราว 15.7 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังลงนามบันทึกความเข้าใจกับ Taiwan Creative Content Agency เพื่อแลกเปลี่ยน Fellowship Program หรือทุนสนับสนุนการเข้าร่วมงานระหว่างสำนักพิมพ์หรือตัวแทนลิขสิทธิ์จากไต้หวันและไทย เปิดโอกาสให้วงการหนังสือไทยได้เติบโตในระดับสากลมากขึ้น
การปรับภาพลักษณ์องค์กร การสร้างเครือข่ายพันธมิตรใหม่ พัฒนางานหนังสือให้มีความทันสมัย สร้างการรับรู้ใหม่ในวงกว้าง ทำให้จากเดิมที่หลายคนอาจไม่รู้จัก PUBAT มากนัก แต่ปัจจุบัน PUBAT กลายเป็นองค์กรที่มีภาพลักษณ์ทันสมัย เป็นที่รู้จัก ได้การยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ทำให้งานมหกรรมหนังสือฯ หรืองานสัปดาห์หนังสือฯ ไม่ใช่เป็นเพียงพื้นที่สำหรับซื้อ-ขายหนังสือ แต่ยังเป็นพื้นที่แสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ที่ครอบคลุมระบบนิเวศของวงการหนังสือทั้งหมด ตั้งแต่นักเขียน นักวาดภาพประกอบ สำนักพิมพ์ ไปจนถึงผู้อ่าน
พันธมิตรหลายวงการทั้งภาครัฐและเอกชน (Collaboration) นับเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญของการต่อยอด! ไม่ว่าจะกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โก๋แก่ ยืดเปล่า (Yuedpao) พันธมิตรท้องถิ่น เช่น อินฟลูเอนเซอร์ในชุมชน เพื่อประชาสัมพันธ์งานมหกรรมหนังสือในภูมิภาค การเชิญศิลปินและนักวาดภาพประกอบมาจัดแสดงผลงานในงานหนังสือ เช่น การจัดนิทรรศการศิลปะร่วมกับทีม Bangkok Illustration Fair เพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้องค์กร สมาชิก ผู้อ่าน ผู้มีส่วนร่วมทุกภาคส่วน
บิ๊กสเต็ปจากนี้ สุวิช วางแนวทางผลักดันอุตสาหกรรมหนังสือไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนภายใต้วิสัยทัศน์ “เติบโตไปด้วยกัน” โดยมีเป้าหมายสำคัญสำหรับอนาคต กล่าวคือ “การขยายงานหนังสือสู่เมืองรอง” โดย PUBAT มีแผนขยายการจัดงานมหกรรมหนังสือไปยังจังหวัดต่างๆ มากขึ้น เพื่อให้หนังสือคุณภาพเข้าถึงผู้อ่านทั่วประเทศอย่างเท่าเทียม
“ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายลิขสิทธิ์หนังสือ” ตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางหนังสือของอาเซียนเต็มตัวในปี 2569 ศูนย์กลางเอเชีย ภายใน 5 ปี และศูนย์กลางของโลก ภายใน 10 ปี
“สร้างรายได้นอกเหนือจากการซื้อขายลิขสิทธิ์” จากรายได้ใหม่ๆ ซึ่งอาจรวมถึงการทำงานร่วมกับสถานทูตและกระทรวงต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านในกลุ่มคนไทยในต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่เพียงการซื้อ-ขายลิขสิทธิ์หนังสือ เพื่อการแปลเป็นภาษาที่ 2 หรือ 3 เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการนำลิขสิทธิ์ไปต่อยอดเป็นภาพยนตร์ ซีรีย์ หรือเกม
“สร้างผู้เล่นรายใหม่ในวงการ” มุ่งพัฒนาศักยภาพให้ผู้ที่ต้องการเข้าสู่วงการหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นนักเขียน บรรณาธิการ หรือผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มความหลากหลายและคุณภาพในวงการหนังสือไทย
และ “การขยายโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม” ที่หลากหลายมากขึ้น เช่น กรมราชทัณฑ์ มูลนิธิเด็กด้อยโอกาส และผู้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงหนังสือคุณภาพอย่างทั่วถึง
“อุตสาหกรรมหนังสือไม่ได้มีแค่การซื้อขายหนังสือเท่านั้น แต่เป็นการพัฒนาคน ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศในอนาคตที่อุตสาหกรรมหนังสือไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นซอฟต์พาวเวอร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทยก้าวสู่เวทีโลก”
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1181340&ct=ga&cd=CAIyHDlmYjQzMTdmMmQ2NDEzZWU6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2DLei27cU1bwQ1CsJCHTib