นายกฯ ย้ำเหตุเลื่อนดิจิทัลเฟส 3 แจงยิบใช้ 1.57 แสนล้านเรื่องน้ำ-ท่องเที่ยว-คมนาคม

นายกฯ-ย้ำเหตุเลื่อนดิจิทัลเฟส-3-แจงยิบใช้-1.57-แสนล้านเรื่องน้ำ-ท่องเที่ยว-คมนาคม
นายกฯ ย้ำเหตุเลื่อนดิจิทัลเฟส 3 แจงยิบใช้ 1.57 แสนล้านเรื่องน้ำ-ท่องเที่ยว-คมนาคม

“นายกฯ อิ๊งค์” ย้ำเลื่อนดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 เหตุหลายฝ่ายท้วงติง เจอปัญหาแทรกหลายเรื่อง ยันไม่ได้ยกเลิก แจงยิบใช้ 1.57 แสนล้านเรื่องน้ำ-ท่องเที่ยว-คมนาคม โชว์เซลฟี่ “อนุทิน” เล่นมุกไม่ร้าว

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 มิถุนายน 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทย กับนายกแพทองธาร” ในหัวข้อ “ปรับแผน เดินหน้า สร้างโอกาสไทย” ถึงเหตุที่ต้องเลื่อนดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 ว่า เราจะทำดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเพื่อให้ประชาชนเข้าใกล้กับเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น ซึ่งก่อนหน้านั้นยังไม่มีเรื่องของกำแพงภาษีสหรัฐฯ เราก็ต้องปรับเปลี่ยนแผน และมีการท้วงติงอย่างชัดเจนจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นคอมเมนต์ที่เราต้องรับฟัง รวมถึงรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชน ฟังจากฝ่ายค้าน และจากทุกๆ คนด้วย

โดยนำความเห็นทุกคนมารวมกัน และหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประเทศนั่นคือสิ่งที่รัฐบาลบริหารจัดการ ซึ่งก่อนหน้านั้นที่เราทำเรื่องนี้มา เป็นงบประมาณที่วางตั้งแต่ปีที่แล้วเพื่อเข้างบฯ ในปีนี้ ซึ่งงบฯ นี้จะหมดในเดือนกันยายน 2568 จะใช้งบนี้ไม่ได้แล้ว เราเลยคิดว่างบฯ ก้อนนี้เราพอจะทำอะไรได้บ้าง เราต้องถอยออกมาและมองภาพรวม เมื่อมีปัจจัยอื่นเข้ามาแทรกเราต้องมองเป็นภาพรวมของทั้งประเทศก่อนว่าอะไรที่จะทำให้เงินก้อนนี้ช่วยคนทั้งประเทศได้ดีที่สุด เราเลื่อนเฟส 3 ออกไป

“ที่บอกว่าพูดมาเลยนายกฯ จะยกเลิกหรือไม่ยกเลิก พูดไม่ได้ค่ะ ถ้าเศรษฐกิจมันดีขึ้น เหตุการณ์มันดีขึ้น เราก็ยังอยากจะให้พี่น้องประชาชนได้รับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเหล่านี้อยู่เช่นกัน”

เปลี่ยน 1.57 แสนล้าน จากเงินดิจิทัล ทำหลายเรื่อง

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อไป เราก็เปลี่ยนว่าเงินก้อนนี้ 1.57 แสนล้านบาท จะเอาไปทำอะไร เรื่องแรกเราจะทำในเรื่องของน้ำ ภาพใหญ่ในเรื่องของน้ำเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคนในประเทศ อย่างที่เราเจอกันมาคือน้ำท่วมลำบากทุกคน กทม. ก็โดนน้ำท่วม มากน้อยแล้วแต่ปีสลับกันไป ฝนตกมาบางทีก็ต้องดูว่าน้ำปล่อยไปทางไหน จังหวัดนี้โดน สักพักอีกจังหวัดหนึ่งก็โดนต่อ ประเทศเพื่อนบ้านต้องคุยกันทุกระบบ ทุกรูปแบบ ทุกภาคส่วน ต้องแก้ไขอย่างบูรณาการเท่านั้น ปัญหาเรื่องน้ำเป็นเรื่องใหญ่ประเทศไทยมานานแล้ว ต้องใช้งบประมาณอย่างมากในการแก้ไข เงินส่วนหนึ่งในก้อนนี้เราแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ เพื่อให้เรื่องน้ำท่วม-น้ำแล้งลดลง ตนทราบว่าฝนมาทุกปีห้ามไม่ได้ แต่ทำอย่างไรให้ความเสียหายและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนลดลงทุกๆ ปี นี่คือเป้าหมายของรัฐบาล

เรื่องน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค อันนี้สำคัญมาก ถ้าวันนี้คนในเมืองดูคลิปนี้อาจจะบอกไม่มีปัญหาเรื่องนี้ แต่มีอีกหลายพื้นที่ที่มีปัญหาในเรื่องนี้ ยังไม่มีน้ำดื่มสะอาดที่จะใช้บริโภค และน้ำยังเป็นต้นทางของการเกษตร ซึ่งพื้นที่เกษตรคือพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศที่ทำรายได้ให้เกษตรกรชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน ให้ทุกคนสามารถมีผลผลิตส่งออกให้กับประเทศได้ หาเงินเข้าประเทศได้ ซึ่งเราจะใช้เงินก้อนนี้ดูแลในเรื่องของน้ำ น้ำกิน น้ำใช้ น้ำท่วม น้ำแล้ง อุปโภค บริโภค นอกจากนี้ยังต้องมีน้ำเพื่ออุตสาหกรรมด้วย อีกหน่อยในอนาคตจะมีเรื่องเซมิคอนดักเตอร์อะไรต่างๆ ที่เข้ามาลงทุนอีกมากมาย

อีกเรื่องที่สำคัญคือ การคมนาคม เส้นทาง ถนนต่างๆ ที่จะอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ทำให้การติดต่อของพี่น้องประชาชนเป็นไปอย่างง่ายขึ้น ทั้งในประเทศและเชื่อมระหว่างต่างประเทศ สำหรับการเดินทางและการขนส่ง ซึ่งสำคัญมากๆ ถ้าเราทำเรื่องนี้การขนส่งจะสะดวกง่ายมากยิ่งขึ้น เรามองภาพเกษตรกรที่จะส่งของที่มีวันหมดอายุไปต่างประเทศ ไปยังจังหวัดอื่นๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบ และเราคิดว่ามันสามารถจัดการได้ในระยะสั้นนี้ ในเดือนกันยายนเราสามารถเบิกงบฯ นี้ไปใช้แก้ปัญหาที่คั่งค้างอยู่ได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปถึงเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งคือรายได้หลักของประเทศ จะพูดไม่ได้เลยว่าเงินก้อนนี้จะไม่ให้เรื่องท่องเที่ยว ต้องให้ ก่อนได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตนมีโอกาสได้ไปเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน แปลกใจมากเราได้ยินมาว่าประเทศนั้นประเทศนี้เกี่ยวกับห้องน้ำ ไปเซี่ยงไฮ้ล่าสุดมาห้องน้ำทุกที่สะอาดมาก ตึกรามบ้านช่องสะอาดมาก โมเดิร์น เปลี่ยนไปหมดเลย ไม่มีสภาพที่น่ากลัว สกปรกเข้าไม่ได้ ไม่มีเลย เป็นอะไรที่นักท่องเที่ยวอย่างตนรู้สึกว่าประเทศไทยยังมีที่ตรงนั้นอีกเยอะมากน้อยแค่ไหน เงินส่วนนี้จะไปช่วยในช่วงเรื่องนั้น ที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมที่ชาวต่างชาติมาเห็นบ่อยๆ แล้วเขาจะได้ไปโฆษณาปากต่อปากให้เราได้อีก เราก็ต้องดูแลอย่างมากเช่นกัน ซึ่งเงินก้อนนี้สามารถเบิกและทำให้มันเปลี่ยนแปลงได้

นอกจากนี้ เราจะทำเรื่องกล้อง CCTV ซึ่งสำคัญมาก เราจะให้ต่างชาติไว้ใจว่า ถ้ามาประเทศไทยไม่ว่าจะอาชญากรรมเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องถูกดูแล ถูกมองเห็น ตำรวจเห็นอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่รัฐบาลมองในภาพรวมว่าก้อนนี้ถ้าเราไม่ได้รายบุคคลแล้ว ภาพรวมของประเทศจะได้อะไร แล้วต้องได้จริงๆ ต้องเกิดขึ้นจริงๆ

“บางคนถามต่อว่าเรื่องพื้นฐานพวกนี้ถ้าไม่มีเงินที่จะย้ายมาจากดิจิทัลวอลเล็ตไม่ทำหรือ ทำค่ะ ยังทำอยู่เสมอ แต่เรื่องนี้ที่ได้มาเรารีบคิดเป็นแผนระยะสั้น ซึ่งดีเลย พอเราได้เงินก้อนนี้มาเรามีแผนระยะกลางและยาวต่ออยู่แล้ว แต่ต้องใช้เวลาที่จะได้เห็นเป็นรูปธรรม แต่ก้อนนี้ทำให้เห็นเป็นรูปธรรมในระยะสั้นนี้เลย อันนี้คือคำตอบ เราคิด เราเรียงลำดับความสำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เมื่อมีปัจจัยแทรกเข้ามาเราก็ต้องถอยว่า เรื่องไหนสำคัญต่อหมู่มากได้มากที่สุดก่อนเลย

แต่อย่างไรก็ตามองค์ประกอบเหล่านี้เป็นพื้นฐานของโครงสร้างทางสังคมทั้งสิ้น และเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเรา และหัวข้อต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นก็ใช้ทรัพยากรมนุษย์ทั้งนั้น จะเกิดการจ้างงานทั้งระบบให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นแผนต่อไปในระยะยาว นี่คือประโยชน์ที่จะได้จากการเลื่อนดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3”

งบประมาณ 2569 ปรับให้เข้ากับสถานการณ์

ในเรื่องงบประมาณปี 2569 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องปรับให้เข้ากับปีนี้ที่มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยเรื่องภาษีสหรัฐฯ น้ำท่วม น้ำแล้งในอนาคต เราปรับให้เข้ากับสถานการณ์โลก สถานการณ์ประเทศ ภูมิภาค อากาศ ทุกสิ่งทุกอย่าง ปรับให้ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าถ้ามีปัจจัยแทรกเราก็ต้องพร้อมเสมอ และคิดว่าการที่เราทำในงบฯ ที่เราวางมาตั้งแต่แรกค่อนข้างที่จะครอบคลุมพอสมควร และเปลี่ยนในเรื่องที่เราเจอสถานการณ์เฉพาะหน้าให้มันเหมาะสมมากยิ่งขึ้น มีการเร่งการลงทุนภาครัฐ

สำนักงบประมาณออกมาพูดแล้วตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้มา เรามีการลงทุนของภาครัฐมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เราอัดเงินเข้าในระบบเศรษฐกิจ เกิดการจ้างงาน การสร้างรายได้ให้กับประชาชน และเราขอความร่วมมือจากเอกชนเช่นกันว่า ให้ทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ เพราะสถานการณ์ของโลก เศรษฐกิจ ทุกๆ อย่างยากทุกประเทศ ไม่ใช่แค่ไทย เพราะฉะนั้นเราต้องร่วมมือกันจริงๆ อย่างการที่ตนไปต่างประเทศ ได้พบกับผู้นำประเทศต่างๆ ก็ได้แลกเปลี่ยนความเห็นว่า ประเทศเจออะไรบ้าง เจอปัญหาขนส่งปัญหา พืชผลการเกษตร ปัญหาเศรษฐกิจทั้งหลายที่เจอทำให้เราทุกประเทศพร้อมที่จะร่วมมือกันไป เพื่อก้าวข้ามผ่านวิกฤติเศรษฐกิจที่ทั้งโลกที่กำลังเจอทุกวันนี้

เยือนหลายประเทศ หารือความร่วมมือระหว่างกัน

เดือนนี้เป็นเดือนแห่งการเดินทางของตน ประเทศแรกคือเวียดนาม เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการ เวียดนามน่ารักมาก ต้อนรับประเทศไทยอย่างดีประทับใจ เป็นการประชุม Joint Cabinet Retreat (การประชุมร่วมรัฐบาล) รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีของทั้งสองฝั่งมาคุย ซึ่งเวียดนามไม่เคยทำ Joint Cabinet Retreat กับประเทศไหน ไทยเป็นประเทศแรก ส่วนไทยทำกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และกัมพูชา คิดว่าพิเศษมากๆ เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์

จากนั้นเดินทางไปต่อที่มาเลเซีย เพื่อประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ซึ่งในปีหน้าจะมีเพิ่มอีกหนึ่งประเทศคือ ประเทศติมอร์-เลสเต จริงๆ เขาเข้ามาประชุมกับเราสักพักแล้ว แต่เป็นทางการน่าจะเป็นปีหน้า (ปี 2569) เราได้คุยถึงปัญหาในภูมิภาคว่าเจออะไรบ้าง เน้นๆ เลยคืออาชญากรรมออนไลน์ที่ทุกประเทศเจอ ปัญหายาเสพติดที่เราจะขอความร่วมมือ ผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ เป็นเรื่องหลักที่เราคุยกัน และเป็นเรื่องคน เรื่องความร่วมมือว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง และจะสามารถเพิ่มการช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้อย่างไร

น.ส.แพทองธาร เล่าต่อไปว่า พอประชุมอาเซียนเสร็จ มีการประชุมสุดยอดด้านเศรษฐกิจอาเซียน-คณะมนตรี ความร่วมมืออ่าวอาหรับ-จีน ซึ่งคือ 3 ภูมิภาค ได้แก่ อาเซียน อาหรับ และจีน เป็นครั้งแรกที่รวมกัน 3 ภูมิภาค ซึ่งมีประชากรถึง 2 พันกว่าล้านคน เป็น 1 ใน 4 ของโลก เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ เมื่อเราคุยกันเกิดความมั่นคงขึ้น 2 เรื่อง คือเรื่องอาหารและพลังงาน ทางอาหรับมีพลังงานมาก เราสามารถใช้ประโยชน์ได้มาก เราเองมีภาคการเกษตรและอาหารที่มีเรื่องความปลอดภัยและมั่นคง

ฉะนั้น การเกิดพลังแบบนี้จะทำให้ทั้งโลกเห็นว่า 3 ภูมิภาคนี้รวมตัวกันอย่างแข็งแรง เมื่อจับมือกันแสดงให้เห็นพลังว่าทั้ง 3 ภูมิภาคจับมือกันครั้งแรก เราก็มีอำนาจต่อรองเช่นกัน เป็นเรื่องใหญ่และเป็นสิ่งที่มาเลเซียภูมิใจว่าจัดที่ประเทศเขา ทำให้ 3 ภูมิภาคมาเจอกัน และมาตกลงกันว่าปัญหาต่างๆ ที่เจอในแต่ละภูมิภาคเราจะจับมือแก้ปัญหาไปด้วยกัน ช่วยเหลือกัน

ขณะเดียวกันยังได้มีการคุยเรื่อง FTA ว่าเราจะขยาย FTA ได้อย่างไรบ้าง เพื่อเพิ่มโอกาสของเราและของเขา ในการทำให้เศรษฐกิจเราดีขึ้น และได้สร้างความสัมพันธ์กับทุกๆ ประเทศรายย่อย ๆ ที่อยู่ในกลุ่ม ถือว่าดีมาก เพราะจะทำให้เรื่องมันง่ายขึ้น แล้วพอมองหน้าแล้วทำให้เข้าใจความตั้งใจกันมากขึ้น ถ้าเราสร้างความสัมพันธ์นั้นที่ดีนี้ไว้ ไม่ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยน จะเป็นภาพที่ดีว่าประเทศไทยของเรามีความใจดี มีความซื่อตรง คุยได้ สามารถคุยในเรื่องต่างๆ ให้เกิดผลสำเร็จได้ ซึ่งได้ไปสร้างความสัมพันธ์เอาไว้ในหลายๆ ประเทศ

เปอร์เซ็นต์สูง ไทยจ่อเป็นหนึ่งในสนาม F1

สำหรับการเดินทางไปโมนาโก ได้เห็นการจัดการแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่ง Formula 1 (F1) หากเกิดขึ้นในประเทศไทยจะเกิดประโยชน์อย่างมาก จะมีการจ้างงานมีการพัฒนาสกิล (ทักษะ) ของคนไทยอย่างก้าวกระโดด และจากที่ได้เดินทางไปได้พบกับเด็กไทยที่แข่งอยู่ใน F3 เขาก็ฝันอยากแข่ง F1 เป็นการสร้างความหวังให้เด็กไทยว่าไม่ไกลเกินไป และเพียงแค่ 1 วันมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาดู F1 จำนวน 100,000 คน การเตรียมการ 3 วันก่อนแข่ง 300,000 คน ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร รถไฟฟ้า แท็กซี่เต็มแน่นอน และไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ จังหวัดข้างเคียงคนเต็มแน่นอน ทั้งสัปดาห์จะทำให้เกิดไฮซีซันอีกช่วงหนึ่งเลย เป็นความหวังเพราะตอนนี้มีประเทศที่จัดแข่งอยู่ 24 ประเทศ ในเอเชีย มี 3-4 ประเทศเราจะเป็นหนึ่งในนั้น เปอร์เซ็นต์สูงที่จะเป็นหนึ่งในนั้น อันนี้เป็นสิ่งที่รอจริงๆ อยากให้เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงท้ายของรายการจะเป็นช่วง “เรื่องเล่าจากภาพ” โดยหนึ่งในหลายๆ ภาพที่นายกรัฐมนตรีนำมาเล่า เป็นภาพที่นายกรัฐมนตรีร่วมเซลฟี่กับเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอินโดนีเซีย โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ร่วมถ่ายด้วย เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ในโอกาสประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นภาพระหว่างอาหารกลางวัน มีเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอินโดนีเซีย นั่งทานกันเป็นโต๊ะเดียวยาวๆ นั่งต่อกัน และมีนายอนุทินนั่งอยู่ด้วย ทางท่านเลขานุการประธานอินโดนีเซียบอกเซลฟี่กัน นายอนุทินก็ได้ยื่นหน้าถ่ายด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะกล่าวในรายการด้วยว่า “ไม่ร้าวนะคะ ไม่ร้าว” รวมถึงกล่าวขอบคุณที่ชมรายการ หวังว่าจะได้รับประสบการณ์ไปด้วยกัน มากกว่านั้นอยากให้รู้สึกว่าจริงๆ แล้วรัฐบาลกำลังดูทุกเรื่องที่จะเป็นโอกาสของพี่น้องประชาชน โอกาสของประเทศ ตนในฐานะหัวหน้าของรัฐบาลตั้งใจจะทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ การเข้ามาตรงนี้ การพัฒนาหรือการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือทำให้ชีวิตพี่น้องเป็นดีอยู่ดีขึ้น ตนรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและแน่นอนว่าทำเต็มที่แน่นอน

อย่างไรก็ตาม รายการดังกล่าวได้มีการบันทึกเทปเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ก่อนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะให้สัมภาษณ์อยากให้ 2 ปีที่เหลือของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) ดูแลกระทรวงมหาดไทย เพราะมองว่ากระทรวงมหาดไทยยังทำงานไม่เต็มที่ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thairath.co.th/news/politic/2861892&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3tzbGmGOsECyjUI3Du-FCi

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *