‘ณัฐพล‘ แซะ งบท่องเที่ยว “ไม่ได้ปังแบบเฟียส ๆ แต่พังแบบเฟล ๆ” เหตุ ถูกโยกไปทำ ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ แต่ไม่เห็นผลงาน ซัด ‘รัฐบาล’ ได้หน้า ออแกไนซ์ได้งาน ทุนเทาได้รายได้ ปชช.คนไทยได้อะไร
30 พฤษภาคม 2568 – เวลา 16.19 น. นายณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน อภิปรายถึงนโยบายการท่องเที่ยวของพรรคเพื่อไทย ว่า ไม่ได้เป็นนโยบายที่คิดไปทำไป ผ่านมือนายกฯ มาถึง 2 คน และผ่านมารัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย 3 คน
“วันนี้อยากชี้ให้เห็นว่าการท่องเที่ยวภายในมือของนายกฯ แพทองธาร มันไม่ได้ปังแบบเฟียส ๆ แต่มันกำลังจะพังแบบเฟล ๆ” นายณัฐพล กล่าว
นายณัฐพล กล่าวว่า งบท่องเที่ยว ปี 67 มาพร้อมกับเป้าที่ใหญ่มาก คือการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งมีงบประมาณน้อยกว่างบท่องเที่ยวที่ได้ตอนก่อนช่วงโควิดเสียอีก เพราะ 17% ของแผนบูรณาการสร้างรายได้ถูกนำไปทำถนน 21% ถูกนำไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว 62% ส่งเสริมการตลาด จัดงานโฆษณา อบรม ทำแผนซื้อครุภัณฑ์ งบเพิ่มความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวมีน้อย ซึ่งหมดไปกับอุปกรณ์ของตำรวจท่องเที่ยว แต่เหตุไม่ดีกับนักท่องเที่ยวก็เกิดขึ้นอยู่เรื่อยเรื่อย
นายณัฐพล ระบุว่า แม้ตัวเลขกันนักท่องเที่ยวจะเพิ่มเกินเป้าหมายไม่มาก แต่รัฐบาลก็ไม่ค่อยได้รับคำชม เพราะปัญหาที่ตามมาคือเรื่องความมั่นคงด้านการท่องเที่ยว ในสมัยนั้นมี Ignite tourism 5 ด้าน หรือกลายเป็น Ignore เพราะการสร้างประสบการณ์ที่ดีในทุกย่างก้าว ก็ไม่เกิด การชู 5 สิ่งที่ต้องทำ ก็เป็นการทำซ้ำจากในรัฐบาลก่อน การส่งเสริมเมืองรอง เป็นเพียงแค่การโฆษณาเท่านั้น ส่วนการปรับปรุงสนามบินเดิม สร้างสนามบินใหม่ ก็ไม่มีความคืบหน้า และ Formula E และ World Pride ก็หายไปพร้อมกับรัฐบาลเศรษฐา
นายณัฐพล กล่าวอีกว่า งบท่องเที่ยวปี 68 เพิ่มขึ้น 800 กว่าล้าน แต่เรื่องมหาสงกรานต์ก็ไม่ได้มีงบในกระทรวงการท่องเที่ยวเพื่อโปรโมทงาน แต่กลับใช้งบกลาง ซึ่งใช้เวลาในการเตรียมงานเพียงแค่หนึ่งเดือนครึ่ง ดังนั้น จะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยว หากปังจริง ภาพรวมตัวเลขนักท่องเที่ยวคงไม่ลดลงต่อเนื่อง
นายณัฐพล ชี้ว่า หากการท่องเที่ยวดีขึ้น คงไม่ต้องมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่เป็นโครงการตั้งแต่สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่โครงการดังกล่าว กลับถูกเลื่อนไปเรื่อย ๆ ตอนนี้รัฐบาลจะไม่เที่ยวกับคนไทยแล้วใช่หรือไม่ ซึ่งหากตอบได้ก็อยากให้ตอบ หากคิดจะทำโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ขออย่าให้แป้กเหมือนแอ่วเหนือคนละครึ่งที่ผ่านมา เพราะมีการนำเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ 4 ล้านบาท สำหรับจังหวัดภาคเหนือที่เกิดน้ำท่วม โดยโครงการจบไปแล้ว ผู้ประกอบการบางคน ยังไม่รู้เลยว่ามีโครงการนี้ สุดท้ายแล้วโครงการที่นำมากระตุ้น ไม่ได้กระตุ้นอะไรเลย
ดังนั้น งบ 67 และ 68 ของรัฐบาลเพื่อไทยใช้ไปกับการโฆษณา ไม่ได้แก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวที่ควรจะแก้
ส่วนงบประมาณในการท่องเที่ยวปี 69 ถือเป็นงบเต็มมือของนายกฯ แพทองธาร เพราะมีการจัดเองทั้งก้อน โดยยุทธศาสตร์การจัดทำงบปี 69 คือการเพิ่มความสามารถของพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยว เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น นำเสนอเทศกาลการจัดประชุมนานาชาติ และกีฬาระดับโลกมาจัดในไทย และสร้างเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ โดยงบประมาณปี 69 หายไปลดลงเหลือ 5,514 ล้านบาท ซึ่งงบทำถนนที่หายไปนั้น ก็ถือว่าดี เพราะได้ไปอยู่กับกระทรวงคมนาคม แต่งบประมาณที่ลดลง ตนเองมีข้อสังเกต ดังนี้ งบประมาณที่ออกมาไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่นายกฯ ให้ไว้
นายณัฐพล ระบุว่า 78% ถูกใช้ในการส่งเสริมการตลาดจัดงานโฆษณา อบรม ทำแผน ทำแอพพลิเคชั่น 15% พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและ 7% ถูกใช้ในเรื่องความปลอดภัย ส่วนโครงการ Man Made Destination ใหม่ไม่มี งบปรับปรุงพื้นที่ก็ได้น้อย และงบอีเวนท์ที่มีการพูดบ่อยครั้ง ก็ไม่ปรากฏอยู่ในแผนงานดังกล่าว และที่บอกว่าจะนำกีฬาระดับโลกมาจัดในไทย ตนเองนึกไม่ออกเลยว่างานไหน ยกเว้น F-1 ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็เดินทางไปโมนาโกเพื่อไปดูสนาม และบอกว่าอาจจะเกิดในไทย แต่ตนเองเกิดคำถามว่า งบประมาณในการเตรียมจัด F-1 กว่า 1,500 ล้านบาท หายไปไหน จึงอยากถามว่า F-1 จะจัดจริง ๆ หรือหาเรื่องไปเที่ยวโมนาโกเฉย ๆ
งบประมาณใช้ไม่ตรงจุด เน้นผักชีโรยหน้า และส่งเสริมการตลาด กว่า 4 พันล้านบาท ถูกใช้ไปกับบริษัทโฆษณา ตนเองเข้าใจว่าต้องการสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยว แต่การที่นักท่องเที่ยว ไม่เดินทางมาในไทยนั้น เป็นเรื่องของความปลอดภัย ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่มีมาตรฐานคุณภาพ ยังไม่รวมไปถึงจีนเทา รัสเซียเทา และอินเดียเทา ทุกวันนี้เขามองไทยเป็นจุดหมายปลายทางของคนที่พร้อมจะมาทำผิดทำอะไรในประเทศนี้ก็ได้ เขาไม่เคารพเรา
ส่วนตอนที่ดาราจีนถูกลักพาตัว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ให้นายกรัฐมนตรี ทำคลิปวิดีโอในการพูดภาษาจีน ซึ่งเป็นการใช้เอไอ แต่กลับกลายเป็นว่าคนจีนด่ากลับ เพราะเป็นวิธีเดียวกันกับที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้หลอกคนจีน จากผลสำรวจความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของคนจีนกว่า 51% บอกว่าประเทศไทยไม่ปลอดภัย หากในตอนนั้น รัฐมนตรีจีนไม่มา แล้วเราจะทำอะไรในเรื่องความปลอดภัย
ส่วนงบประมาณด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยวมีแค่ 385 ล้านบาท เทียบไม่ได้เลยกับงบผักชีโรยหน้ากว่า 4,200 ล้านบาท
นายณัฐพล ยกตัวอย่าง โครงการด้านความปลอดภัยที่มีงบประมาณ 226,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการปราบปรามธุรกิจท่องเที่ยวนอมินี
ทั้งนี้ งบท่องเที่ยวโดนโยกไปทำซอฟต์พาวเวอร์ ตอนนี้เข้าใจว่าเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลแพทองธาร แต่ประชาชนคนไทยถามว่า ไหนซอฟต์พาวเวอร์ เพราะไม่เห็นผลงาน ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบนำเสนอข้อมูลเทศกาล และกิจกรรมในประเทศไทย 40 ล้านบาท การพัฒนาระบบดิจิทัล เชื่อมแพลตฟอร์ม เพื่อส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวด้วยซอฟต์พาวเวอร์ 39 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้คืองบในการปรับปรุงแอพ Amazing Thailand ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งควรจะเป็นงบฟังก์ชันปกติของ ททท. ไม่มีเหตุอันใดที่จะต้องห้อยซอฟต์พาวเวอร์เอาไว้
นายณัฐพล ยกตัวอย่าง ค่าสนับสนุนเทศกาลประเพณีไทยเพื่อสู่ซิกเนเจอร์ไทยแลนด์ 385 ล้านบาท ซึ่งอ่านชื่อก็รู้ได้เลยว่าการโฆษณา เป็นโฆษณาแบบเดิม ๆ ที่ ททท. ทำอยู่แล้ว จึงถามว่าเป็นซอฟต์พาวเวอร์ตรงไหน ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องย้ายมาในส่วนนี้เลย
“ผมไม่รู้จริงๆว่าการที่ท่านโยกงบ ท่องเที่ยวไปที่ซอฟต์พาวเวอร์ ท่านกลัวว่าคณะของท่านจะไม่มีผลงาน หรือท่านตั้งใจโยกไปเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับใครหรือเปล่า เพราะบริษัทออแกไนซ์เซอร์รายใหญ่ที่รับงานรัฐอยู่เป็นประจำมาเป็น 20 ปี บริษัทเหล่านั้น นั่งเป็นคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ เขาให้ความเห็นโครงการได้ ชี้นิ้วได้ จิ้มเลือกได้ รู้ข้อมูลก่อน จึงน่าตั้งคำถามว่าเรื่องนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อน ที่เอื้อกันอยู่ในนั้นหรือเปล่า”
นายณัฐพล ยังย้ำว่า พวกท่านรู้ตัวช้า เพราะงบการท่องเที่ยวออกมาแล้ว แต่เพิ่งประชุมเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่านต้องแก้ทั้งปัญหาภายในก็เยอะ และความเสี่ยงจากภาษีทรัมป์ ที่เอาเอานอนไม่ได้ คนต่างชาติเอง ก็อาจจะไม่มีเงินมาเที่ยวไทยด้วยซ้ำ ซึ่งหากยังทำแบบเดิม ที่บอกว่าการท่องเที่ยวไทยคือควิกวิน มันกำลังเป็น Long Term Lost
“หากจะยังทำแบบเดิม โดยไม่ปรับแก้อะไร ผมตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยว่า เป็นการทำการท่องเที่ยวที่รัฐบาลได้หน้า ออแกไนซ์ได้งาน ทุนเทาได้รายได้ ประชาชนคนไทยได้อะไร“ นายณัฐพล กล่าว
นายณัฐพล สรุปว่า รัฐบาลสามารถปรับลดงบประมาณในการประชาสัมพันธ์ลงได้ แม้จะลดไปก็ไม่กระทบกับกระทรวง เพราะเป็นทางผ่านเงินต้องจัดซื้อจัดสร้างผ่านเอกชนอยู่ดี น่าจะลดงบประมาณในส่วนนี้ได้ 1,000 -1,500 ล้านบาท
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thaipost.net/politics-news/798369/&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2UeA2dfwa9An4Luk2WFn2s