“สรวงศ์” เผยหน่วยงานสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ชงของบวงเงินรวม 1.3 หมื่นล้านบาท ขอรับการจัดสรรงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท “ฐาปนีย์” ผู้ว่าการ “ททท.” หวังดันมูลค่าเศรษฐกิจท่องเที่ยวกว่า 9 หมื่นล้านบาท ฝ่าวงล้อมท่องเที่ยวโลกแข่งขันสูง เปิดสถิติ “ต่างชาติเที่ยวไทย” 5 เดือนแรก 14.36 ล้านคน ติดลบเกือบ 3% “นักท่องเที่ยวจีน” เดินทาง 1.9 ล้านคน ร่วง 32%
“สรวงศ์” เผยหน่วยงานสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ชงของบวงเงินรวม 1.3 หมื่นล้านบาท ขอรับการจัดสรรงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท “ฐาปนีย์” ผู้ว่าการ “ททท.” หวังดันมูลค่าเศรษฐกิจท่องเที่ยวกว่า 9 หมื่นล้านบาท ฝ่าวงล้อมท่องเที่ยวโลกแข่งขันสูง เปิดสถิติ “ต่างชาติเที่ยวไทย” 5 เดือนแรก 14.36 ล้านคน ติดลบเกือบ 3% “นักท่องเที่ยวจีน” เดินทาง 1.9 ล้านคน ร่วง 32%
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้สรุปโครงการงบลงทุนเพื่อขอรับการจัดสรรงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจ “157,000 ล้านบาท” ของทุกหน่วยงานภายใต้กระทรวงท่องเที่ยวฯ โดยบางส่วนต้องบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้สรุปโครงการงบลงทุนเพื่อขอรับการจัดสรรงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจของทุกหน่วยงานภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ รวมถึงโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย รวมทั้งสิ้น 184 โครงการ รวมวงเงิน 13,381 ล้านบาท คาดว่าจะส่งผลกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวมูลค่า 267,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม โครงการที่เสนอทั้งหมดต้องผ่านคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ วันที่ 5 มิ.ย.นี้ก่อนว่า จะมีโครงการใดที่ได้รับการอนุมัติ เข้าสู่การพิจารณาคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 10 มิ.ย. 2568
สำหรับเป้าหมายพัฒนาภาคท่องเที่ยว ประกอบด้วย 1.ปรับปรุงพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สนามกีฬา สิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้องน้ำ ห้องพัก และสถานที่ป้ายบอกทาง 2.พัฒนาระบบอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว 3.พัฒนาและยกระดับความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว ติดตั้งระบบ CCTV ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวสำคัญ และ 4.กระตุ้นเศรษฐกิจภาคท่องเที่ยวในประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่เมืองรอง
ของบกระตุ้นทัวริสต์สะพัด 9 หมื่นล้าน
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เฉพาะส่วนของ ททท.จะเสนอของบมากกว่าเดิมที่ก่อนหน้านี้เคยตั้งไว้ราว 3,200 ล้านบาท ซึ่งจะก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวมูลค่า 90,000 ล้านบาท โดยโครงการต้องเริ่มดำเนินการก่อนเดือน ก.ย.2568 และดำเนินการได้ถึงเดือน ก.ย.2569 อาทิ
1.โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,780 ล้านบาท ล่าสุดปรับเงื่อนไขการใช้สิทธิ กำหนดจำนวนสิทธิอยู่ที่ 500,000 สิทธิ
2.โครงการสนับสนุนแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) วงเงิน 800 ล้านบาท
3.โครงการไทยแลนด์ ซัมเมอร์ บลาสต์ – ไชน่า แอนด์ โอเวอร์ซี มาร์เก็ต สติมูลัส แพลน (Thailand Summer Blast-China & Overseas Market Stimulus Plan) วงเงิน 750 ล้านบาทช่วยกระตุ้นมูลค่าทางเศรษฐกิจท่องเที่ยว 33,518 ล้านบาท ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยไม่น้อยกว่า 790,000 คน
ภายใต้โครงการไทยแลนด์ ซัมเมอร์ บลาสต์ฯ แบ่งการจัดสรรงบ 350 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) จากจีนและตลาดอื่นๆ บินตรงเข้าไทย ด้วยการสนับสนุนเงิน 350,000 บาทต่อเที่ยวบินเช่าเหมาลำ จำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 เที่ยวบินจาก 15 เมืองรองของจีนเข้าสู่กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย พัทยา กระบี่ และสมุย คาดดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย 140,000 คน
ทั้งยังของบ 250 ล้านบาท เพื่อทำโปรโมชันร่วมกับเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ของสายการบินทั้งในไทยและต่างประเทศ คาดจะดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยมากกว่า 500,000 คน และอีก 150 ล้านบาทสำหรับกระตุ้นตลาดเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (อินเซนทีฟ) และกลุ่มซัมเมอร์แคมป์อีก 150,000 คน
นอกจาก 3 โครงการดังกล่าวแล้ว ททท.ยังได้เสนอของบมาทำการตลาดประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม พร้อมดึงเอ็กซ์คลูซีฟคอนเสิร์ต (Exclusive Concert) จากศิลปินระดับโลก และการสนับสนุนงานคอนเสิร์ตที่ผู้ประกอบการสัญชาติไทยเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
“ททท.ต้องแก้ไขสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่กำลังเจอภาวะติดลบให้ได้ หลังได้รับผลกระทบจากนักแสดงชาวจีน ซิงซิง หายไปตัวบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา และเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาที่ไทยได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่เชื่อมั่น เราต้องเร่งฟื้นตลาดให้กลับมา เพื่อผลักดันให้ได้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนใกล้เคียงเป้าหมายเดิม 6.9 ล้านคนที่ตั้งไว้ตลอดปี 2568”
จัดใหญ่ “ไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท พลัส 2025”
วานนี้ (4 มิ.ย.) ททท. เปิดงานส่งเสริมการขายด้านท่องเที่ยวครั้งใหญ่ “ไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท พลัส 2025” (TTM+ 2025) จัดขึ้นวันที่ 4-6 มิ.ย. 2568 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย 450 ราย เสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว (Buyers) กว่า 406 ราย จาก 53 ประเทศทั่วโลก คาดสร้างจำนวนนัดหมายเจรจาธุรกิจกว่า 13,000 นัดหมาย รายได้หมุนเวียนกว่า 4,296 ล้านบาท
งาน TTM+2025 ททท.ปรับกลยุทธ์มุ่งกระตุ้นตลาด ทั้งประเทศที่เป็นตลาดท่องเที่ยวหลักและรองของไทย โดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งจะมีผู้ประกอบการถึง 97 รายจากตลาดจีนที่จะเดินทางเข้ามาทั้งจากเมืองหลัก เมืองรองของสาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกในการเร่งฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงตลาดศักยภาพใหม่ๆ จากประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง อาทิ อาร์เจนตินา บราซิล ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ รวมไปถึงภูมิภาคยุโรปตะวันออก
“งานปีนี้มีจำนวนผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากทั่วโลก 406 รายเข้าร่วมเจรจาธุรกิจกับ 450 ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวที่ตรงต่อความต้องการของกลุ่มตลาด ซึ่งปีนี้ขยายไปสู่ผู้ประกอบการเมืองน่าเที่ยวถึง 14 จังหวัด นับเป็นเวทีสร้างเครือข่ายทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการไทยแล้วยังเป็นการเพิ่มโอกาสทำตลาดศักยภาพใหม่ทั้งตลาดระยะใกล้ และระยะไกล นำเสนอเมืองน่าเที่ยวของประเทศไทยให้เป็นจุดขายใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยมุ่งสู่ความยั่งยืนในระดับสากล”
ต่างชาติเที่ยวไทย 5 เดือนแรก ติดลบเกือบ 3%
รายงานข่าวจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า จากสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ของปี 2568 มีจำนวนสะสม 14,362,694 คน ติดลบ 2.7% เทียบช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ประมาณการสร้างรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ 672,629 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.05% โดยนักท่องเที่ยวจีนยังคงครองแชมป์เดินทางเที่ยวไทยสูงสุด ด้วยจำนวน 1,958,939 คน แต่ติดลบ 32.71% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
10 อันดับแรกนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค. 2568) ได้แก่ 1.จีน 1,958,939 คน 2.มาเลเซีย 1,901,464 คน 3.อินเดีย 978,600 คน 4.รัสเซีย 961,143 คน 5.เกาหลีใต้ 673,563 คน 6.สหราชอาณาจักร 512,181 คน 7.สหรัฐ 469,388 คน 8.เยอรมนี 462,696 คน 9.ญี่ปุ่น 444,274 คน และ 10.ไต้หวัน 430,827 คน
เฉพาะ พ.ค. ทัวริสต์ต่างชาติร่วง 14%
เมื่อดูเฉพาะเดือน พ.ค. 2568 จากรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ชี้ให้เห็นว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยรวม 2,266,574 คน ติดลบ 13.93% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค. 2567 ซึ่งมีจำนวน 2,633,464 คน โดยตลาดมาเลเซียสามารถแซงตลาดจีนคว้าอันดับ 1 ได้ในเดือน พ.ค. ด้วยจำนวน 385,332 คน ส่วนจีนร่วงลงมาอยู่อันดับ 2 มีจำนวน 310,292 คน
ด้าน 10 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยสูงสุดในเดือน พ.ค. 2568 ได้แก่ 1.มาเลเซีย 385,332 คน 2.จีน 310,292 คน 3.อินเดีย 228,544 คน 4.เกาหลีใต้ 91,178 คน 5.รัสเซีย 83,627 คน 6.สิงคโปร์ 76,706 คน 7.ลาว 74,464 คน 8.อินโดนีเซีย 72,807 คน 9.ญี่ปุ่น 69,378 คน 10.สหรัฐ 68,251 คน
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1183321&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw0rl1ebQMCm3bR5nFhW0tQ2