เลา ก๊ก เกิง (Lau Kok Keng) หัวหน้าฝ่ายทรัพย์สินทางปัญญา กีฬา และเกม จากสำนักงานกฎหมาย Rajah & Tann Singapore ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในทีมกฎหมายการพนันที่มีประสบการณ์และครอบคลุมที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พูดในวงเสวนา Entertainment Complex ยกตัวอย่าง คาสิโนสู่การคุมเข้มการพนันออนไลน์ ของสิงคโปร์

สิงคโปร์: บทเรียนจากการพลิกโฉมสู่ศูนย์กลางเอ็นเตอร์เทนเมนต์ระดับโลกและการควบคุมการพนันอย่างเข้มแข็ง
เลา ก๊ก เกิง ได้ถ่ายทอดเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสิงคโปร์ จากประเทศที่เคยต่อต้านการพนันอย่างแข็งขัน สู่การเป็นศูนย์กลางเอ็นเตอร์เทนเมนต์ระดับโลก พร้อมกับการบังคับใช้กฎหมายที่รัดกุม
จุดเปลี่ยน: การถือกำเนิดของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในสิงคโปร์
ประวัติศาสตร์การพนันของสิงคโปร์ย้อนกลับไปได้ถึงยุคที่เป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ และแม้กระทั่ง เซอร์สแตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์ ผู้ก่อตั้งสิงคโปร์สมัยใหม่ ก็ยังเคยพยายามปราบปรามการพนันมาแล้ว ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ข้อเสนอในการจัดตั้งคาสิโนในสิงคโปร์ถูกปัดตกมาโดยตลอดด้วยเหตุผลด้านศีลธรรมและผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้น แม้แต่ นายลีกวนยู อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ก่อตั้งประเทศ ก็เคยแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า “ไม่ ตราบใดที่ผมยังไม่ตาย” ซึ่งสะท้อนถึงการต่อต้านการพนันอย่างรุนแรงในอดีต
จากเศรษฐกิจซบเซาสู่ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 เมื่อสิงคโปร์เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจซบเซา และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ตกต่ำ รัฐบาลเริ่มตระหนักว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน การถกเถียงเรื่องการเปิดคาสิโนจึงถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มาในรูปแบบของ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Integrated Resorts – IRs) ซึ่งไม่ใช่แค่คาสิโนเปล่าๆ แต่เป็นแหล่งรวมความบันเทิง การท่องเที่ยว และสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร
ในปี 2005 นายลีเซียนลุง นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ประกาศการพิจารณาอนุญาตให้มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ คุณเลา ก๊ก เกิง ชี้ให้เห็นว่า การตัดสินใจนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยปราศจากการถกเถียง รัฐบาลได้เปิดให้มีการปรึกษาหารือสาธารณะเป็นเวลาถึง 6 เดือน ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากกลุ่มศาสนา องค์กรพัฒนาเอกชน และประชาชนทั่วไป แม้จะมีความกังวล แต่ในที่สุด รัฐบาลก็ตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้ โดยมองว่าประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาลจากการดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างงานนั้น มีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศ
สิงคโปร์ : ก่อนและหลังมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
ก่อนมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
การต่อต้านอย่างรุนแรง: รัฐบาลมีจุดยืนที่ชัดเจนในการต่อต้านคาสิโน ด้วยความกังวลเรื่องผลกระทบทางศีลธรรมและสังคม
การพนันที่จำกัด: การพนันที่ถูกกฎหมายส่วนใหญ่จำกัดอยู่แค่ลอตเตอรีและแข่งม้าเท่านั้น
การท่องเที่ยวซบเซา: ขาดแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ ทำให้สิงคโปร์ต้องดิ้นรนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
หลังมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
การฟื้นฟูเศรษฐกิจ : การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มีส่วนสำคัญต่อ GDP ของสิงคโปร์ และสร้างงานโดยตรงกว่า 22,000 ตำแหน่ง และงานทางอ้อมอีกกว่า 40,000 ตำแหน่ง
การควบคุมที่เข้มงวด: รัฐบาลได้จัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลการพนัน (Gambling Regulatory Authority – GRA) และบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการพนัน คุณเลาเน้นย้ำว่า แม้จะมีคาสิโน แต่สิงคโปร์ก็ยังคงรักษาความเข้มงวดในการป้องกันปัญหาการพนัน
การจัดการผลกระทบทางสังคม : ยอมรับว่ามีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการพนันเกิดขึ้น แต่ก็มีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ มีมาตรการควบคุมโรงรับจำนำที่เคยเป็นแหล่งเงินของนักพนัน และการรณรงค์ให้ความรู้สาธารณะเกี่ยวกับการพนันอย่างรับผิดชอบ
การบังคับใช้กฎหมายการพนันออนไลน์ที่เข้มแข็งของสิงคโปร์
เลา ก๊ก เกิง ได้ชี้ให้เห็นถึงปรัชญาที่สำคัญในการกำกับดูแลกิจกรรมที่มีทั้งผลดีและผลเสียว่า กิจกรรมมนุษย์เกือบทุกอย่างมีผลดีและผลเสีย เช่น ยานพาหนะและเครื่องบินทำให้เกิดอุบัติเหตุ บางครั้งอาจถึงขั้นเสียชีวิต และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพและพฤติกรรม แต่รัฐบาลไม่สั่งห้ามกิจกรรมเหล่านี้ แต่จะใช้มาตรการควบคุมเพื่อลดผลเสียและเพิ่มประโยชน์ เช่นเดียวกันกับการพนัน รัฐบาลสิงคโปร์ไม่ได้สั่งห้ามโดยสิ้นเชิง แต่เลือกที่จะควบคุมอย่างเข้มงวด
ในสิงคโปร์ หน่วยงานกำกับดูแลเกมทำหน้าที่นี้ โดยใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันผลเสีย กฎเกณฑ์เหล่านี้ถูกบรรจุอยู่ในกฎหมาย ระเบียบ และนโยบายของหน่วยงาน
พระราชบัญญัติควบคุมคาสิโน (Casino Control Act): เป็นกฎหมายหลักที่ควบคุมการดำเนินงานของคาสิโนอย่างละเอียด ครอบคลุมตั้งแต่การออกใบอนุญาตไปจนถึงการบังคับใช้กฎเกณฑ์ต่างๆ
สภาแห่งชาติเพื่อปัญหาการพนัน (National Council on Problem Gambling – NCPG): เป็นหน่วยงานสำคัญที่รับผิดชอบในการให้ความช่วยเหลือ ป้องกัน และให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาการพนัน โดยมีการรณรงค์ให้ความรู้แก่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง
ประมวลจรรยาบรรณการพนันอย่างรับผิดชอบ (Responsible Gambling Code of Practice): กำหนดแนวปฏิบัติที่ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตาม เพื่อส่งเสริมการพนันอย่างรับผิดชอบ เช่น การกำหนดอายุผู้เข้าใช้บริการ การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการพนันอย่างปลอดภัย
มาตรการป้องกันการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering – AML) : สิงคโปร์มีกฎเกณฑ์ AML ที่เข้มงวดมาก รวมถึงการตรวจสอบข้อมูลลูกค้า (Know Your Customer – KYC) การรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย (Suspicious Transaction Reporting – STR) และการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ประกอบการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน
โครงการกีดกันการเข้าถึง (Exclusion Scheme) ที่ครอบคลุม
การกีดกันตนเอง (Self-Exclusion): บุคคลสามารถยื่นคำขอเพื่อกีดกันตนเองจากการเข้าคาสิโนหรือการพนันประเภทอื่นๆ ได้
การกีดกันโดยครอบครัว (Family Exclusion): สมาชิกในครอบครัวสามารถยื่นเรื่องเพื่อกีดกันสมาชิกที่ประสบปัญหาการพนันได้
การกีดกันโดยบุคคลที่สาม (Third-Party Exclusion by NCPG): NCPG สามารถสั่งกีดกันบุคคลที่เข้าข่ายมีปัญหาการพนันได้
การกีดกันโดยกฎหมาย (Exclusion by Law): เช่น บุคคลที่ถูกประกาศล้มละลาย หรือผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยบางประเภทจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าคาสิโน
การจำกัดการเยี่ยมชม (Visit Limits): มีมาตรการอนุญาตให้บุคคลหรือครอบครัวกำหนดจำนวนครั้งที่สามารถเข้าคาสิโนได้ เพื่อควบคุมพฤติกรรมการพนัน
ประสบการณ์ของสิงคโปร์แสดงให้เห็นว่า แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่ก็เป็นไปได้ที่จะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการจัดการผลกระทบทางสังคม
เลา ก๊ก เกิง ทิ้งท้ายว่า สิงคโปร์ได้พิสูจน์แล้วว่า การกำกับดูแลเกมในระดับมาตรฐานสูงสุด และการใช้นโยบายที่หลากหลาย จะสามารถรักษาสมดุลและรักษาความปลอดภัยในการเล่นเกมในประเทศได้
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.posttoday.com/smart-city/725140&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2bVYkBIlnUEUhiF4Sx24fp