
พาณิชย์ เผย เศรษฐกิจค้าชายแดนไทย-กัมพูชา มูลค่ากว่า 1.7 แสนล้านบาท หลังไทยใช้มาตรการเปิด-ปิด ด่านชายแดน หากลากยาว 3 เดือน ตลาดการค้าชายแดนหยุดชะงัก ด้านม.หอการค้าไทยประเมินปิดด่าน 100 % มูลค่าการค้าชายแดนจะเสียหาย 10,000 ล้านบาทต่อเดือน
Key Point
- มาตรการเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา กระทบการค้าชายแดน
- ปี 67 การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา มีการค้ารวม 175,530 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 141,846 ล้านบาท การนำเข้ามูลค่า 32,684 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 109,163 ล้านบาท
- ไทยและกัมพูชามีด่านชายแดนสำคัญอยู่ 5 ด่าน
- ไทยใช้มาตรการเปิด-ปิด ด่านชายแดน หากลากยาว 3 เดือน ตลาดการค้าชายแดนหยุดชะงัก และ หากยาว 3-12 เดือนกระทบเชื่อมั่นนักลงทุน
- ม.หอการค้าประเมิน หากปิดด่าน 100 % มูลค่าการค้าชายแดนจะเสียหาย 10,000 ล้านบาทต่อเดือน
- หวั่นกระทบแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในฝั่งไทย
สถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา บริเวณ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. 68 กลายเป็นข้อพิพาทชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา และยังไม่มีท่าที่ทีจะยุติลงในเร็ววันนี้
โดยฝ่ายกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาทเรื่องชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice – ICJ) หรือศาลโลก ขณะที่ไทยต้องไม่ต้องการไปศาลโลกแต่ต้องการให้ใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชา-ไทย (JBC) ในการแก้ปัญหา
ในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง ทางฝ่ายไทยใช้มาตรการตอบโต้กัมพูชาในเบื้องต้นด้วยการออกมาตรการล่าสุดฝ่ายไทยได้มีออกมาตรการเปิด-ปิดด่านชายแดนชั่วคราว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2563–2567) มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีด่านชายแดนสำคัญที่เป็นจุดผ่านการค้าหลักระหว่างสองประเทศ โดยแต่ละปีมีมูลค่าการค้าเกือบ 2 แสนล้านบาท
สำหรับปี 2567 กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา มีการค้ารวม 175,530 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 141,846 ล้านบาท การนำเข้ามูลค่า 32,684 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 109,163 ล้านบาท
โดยสินค้าส่งออกสำคัญ คือ เครื่องดื่ม ส่วนประกอบรถยนต์/จักรยานยนต์, เครื่องยนต์, เครื่องจักรกลเกษตรคิดเป็นสัดส่วนกว่า 30% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ มันสำปะหลัง, เศษโลหะ (อลูมิเนียม, ทองแดง), ลวดสายไฟ ฯลฯ สินค้าเหล่านี้สำคัญต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องในไทย เช่น อาหารสัตว์, รีไซเคิล, อิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้ จุดผ่านแดนไทย – กัมพูชา มีทั้งหมด 18 แห่ง ใน 7 จังหวัด คือ จังหวัดตราด จันทบุรี สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี แบ่งเป็น จุดผ่านแดนถาวร 8 แห่ง จุดผ่อนปรนการค้า 9 แห่ง และจุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยว 1 แห่ง
ปัจจุบัน เปิดทำการอยู่ 16 แห่ง และปิดทำการ 2 แห่ง คือ 1. จุดผ่อนปรนการค้าบ้านหมื่นด่าน(จ.ตราด) และ 2. จุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยวช่องทางขึ้นเขาพระวิหาร (จ.ศรีสะเกษ) ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อ การค้าด้านชายแดนไทย – กัมพูชา
“สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่กระทบต่อการค้าชายแดนและผ่านแดนไทย – กัมพูชา “กรมการค้าต่างประเทศ ระบุ
อย่างไรก็ตามด่านที่สำคัญในการค้าชายแดนและผ่านแดนมี 3 แห่ง (ข้อมูลปี 2567 ) ได้แก่ 1.ด่านศุลกากรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว มูลค่าการค้า 110,718 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน63.4%
2.ด่านศุลกากรคลองใหญ่ จ.ตราด มูลค่าการค้า 29,289 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 16.8%
3.ด่านศุลกากรจันทบุรี จ.จันทบุรี มูลค่าการค้า 26,621 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15.3%
ดังนั้น หากมีการปิดจุดผ่านแดนทั้ง 3 จังหวัด จะกระทบมูลค่าการค้าชายแดนไทย – กัมพูชามากกว่า 95.5% และหากรวมด่าน ช่องจอม จ.สุรินทร์ มูลค่า 6,084 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.5% ด่าน ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ มูลค่า 1,818 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.0% จะมีมูลค่ารวม 174,530 ล้านบาท และหากลากยาวออกไป 3 เดือนธุรกิจรายย่อยข้ามแดน ตลาดค้าชายแดนหยุดชะงัก แต่หากยาว 3-12 เดือน กระทบเชื่อมั่นนักลงทุน
สำหรับการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาในเดือน เม.ย.ปี 68 ยังคงขยายตัวต่อเนื่องมีมูลค่า 15,800 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออก 12,145 เพิ่ม 10.94% การนำเข้า 3,655 ล้านบาท เพิ่ม 36.28% โดยไทยได้ดุลการค้า 8,490 ล้านบาท
ขณะที่ 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.- เม.ย.)มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา มีมูลค่า 64,612 ล้านบาท เป็นการส่งออก 50,225 ล้านบาท และการนำเข้า 14,387 ล้านบาท ซึ่งไทยยังได้ดุลการค้ามูลค่า 35,838 ล้านบาท
ทั้งนี้การปิดด่านอย่างถาวรหรือปิดหลายด่านนอกจากจะส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนแล้วอาจจะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อภาคธุรกิจภาคธุรกิจบริการและภาคแรงงาน เนื่องจากประชาชนชาวกัมพูชาเดินทางข้ามมาฝั่งไทยเพื่อรักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจสถานพยาบาลและที่เกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับแรงงานกัมพูชาที่ข้ามมาทำงานฝั่งไทยเป็นจำนวนมาก
“อุกฤษฏ์ วงษ์ทองสาลี “ ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี มองการเปิด-ปิดด่าน บ้านแหลม ตำบลเทพนิมิต อำเภอโป่งน้ำร้อน และจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดจันทบุรี ว่า ทั้ง 2 ด่านมีความสำคัญด้านการค้าขาย เป็นการชั่วคราวประเมินว่า ถ้าเปิดด่าน 1 สัปดาห์หรือเป็นเดือนจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่ากว่าพันล้านบาท
“ไม่เฉพาะแค่มูลค่าเศรษฐกิจแต่อาจจะกระทบต่อแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในล้งผลไม้จันทบุรี ทั้งการเก็บผลไม้ คัดกรอง การบรรจุกล่อง เป็นต้น ซึ่งมีจำนวนแรงงานคิดเป็นสัดส่วนกว่า 80 %ของแรงงานภาคการเกษตร”
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า การปิดด่านชายแดนไทยกัมพูชา ของรัฐบาล เป็นการปิดด่านชั่วคราวไม่ได้มีเงื่อนไขในการกีดกันการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าระหว่างกัน และการเปิดเส้นทางส่งออกสินค้าระหว่างกันยังคงดำเนินการอยู่ การค้าก็ยังเป็นปกติกระทบการส่งออกไทยเพียง 5–10 % แต่ถ้าหากปิดด่าน 100% เต็ม ก็มองว่าจะเกิดความเสียหาย ซึ่งอาจได้เห็นความเสียหายของมูลค่าทางเศรษฐกิจหลัก 10,000 ล้านบาทต่อเดือน
ทั้งนี้ ต้องประเมินสถานการณ์ต่อไป ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะยืดเยื้อแค่ไหน แต่ในเบื้องต้นหอการค้าไทยมองว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจไม่มาก ซึ่งยังไม่มีผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจมหภาครุนแรง แต่จะเป็นการส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่มากกว่า
ปัจจุบันสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา ยังคงมีต่อเนื่อง หากสถานการณ์ยังไม่จบในเร็ววัน เศรษฐกิจชายแดนของ 2 ประเทศได้รับผลกระทบไปเต็มๆรวมถึงความเดือนร้อนของประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็วเพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1184736&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw1d6C_DjZG2bP7bbjaZmSAO