กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ชื่นชมโอมานสำหรับการดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและการเติบโตทางเศรษฐกิจ แม้การผลิตน้ำมันจะลดลงจากข้อตกลง OPEC+ ในการจำกัดการผลิต
คณะเจ้าหน้าที่ IMF นำโดยนาย César Serra ได้เยือนกรุงมัสกัต รัฐสุลต่านโอมาน (Sultanate of Oman) ระหว่างวันที่ 21–29 พฤษภาคม 2568 เพื่อติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเงิน ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ และหารือเกี่ยวกับนโยบายหลักของประเทศ และให้ความเห็นว่าแรงขับเคลื่อนของการปฏิรูปโครงสร้างยังคงแข็งแกร่ง ช่วยให้โอมานสามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมภายนอกที่ท้าทายและเร่งกระบวนการกระจายเศรษฐกิจได้
IMF ระบุว่า เศรษฐกิจโอมานยังคงขยายตัวจากการลงทุนในโลจิสติกส์ การผลิต พลังงานหมุนเวียน และ การท่องเที่ยว ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ แม้ว่าการผลิตน้ำมันลดลงจากข้อตกลง OPEC+ แต่ GDP ที่แท้จริงในปี 2567 เติบโตขึ้นเป็น 1.7% จาก 1.2% ในปี 2566 โดยมาจากภาคการผลิตและบริการที่ไม่เกี่ยวกับน้ำมัน
IMF คาดว่า เศรษฐกิจโอมานจะเติบโตเร็วขึ้นในระยะกลาง โดย GDP คาดว่าจะเติบโต 2.4% ในปี 2568 และ 3.7% ในปี 2569 จากการผ่อนคลายข้อจำกัดการผลิตน้ำมัน และการลงทุนในภาคเศรษฐกิจอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ลดลงอาจส่งผลกระทบต่อฐานะการคลังและดุลบัญชีเดินสะพัด โดยจากส่วนเกินทางการคลัง 3.3% ของ GDP ในปี 2567 คาดว่าจะลดลงเหลือเฉลี่ย 0.5% ของ GDP ในช่วงปี 2568-2569 ก่อนจะฟื้นตัวในระยะกลาง
หนี้สาธารณะลดลงเหลือ 35.5% ของ GDP ในปี 2567 (จาก 37.5% ในปี 2566) และหนี้ของรัฐวิสาหกิจลดลงเหลือประมาณ 31% โดยได้รับการสนับสนุนจากการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจโดย Oman Investment Authority
IMF ยังกล่าวถึงการปรับปรุงของกรมสรรพากร ระบบการจัดการสภาพคล่องของธนาคารกลาง และ การปฏิรูปภาคการเงินเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
ในด้านการธนาคาร ภาคธนาคารของโอมานยังคงแข็งแกร่ง มีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี ทุนและสภาพคล่องมั่นคง และมีกำไรต่อเนื่อง โดยธนาคารยังคงมีสินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิเป็นบวก และสินเชื่อภาคเอกชนเติบโตดีจากฐานเงินฝากที่เพิ่มขึ้น
📦 IMF มองว่า ผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าโลกที่มีต่อโอมานมีจำกัด
แม้โอมานจะส่งออกไปสหรัฐฯไม่มาก แต่ราคาน้ำมันที่ลดลงและการเติบโตที่ชะลอตัวของประเทศคู่ค้าอาจส่งผลทางอ้อมต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม หากการดำเนินการตามแผน Oman Vision 2040 เป็นไปอย่างรวดเร็ว จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจได้
📈 สรุปสภาพเศรษฐกิจโอมานในปี 2568
- การเติบโตของ GDP : คาดว่า GDP จะเติบโต 4% ในปี 2568 แม้จะมีข้อจำกัดด้านการผลิตน้ำมันตามข้อตกลง OPEC+ ในขณะที่การเติบโตมาจาก ภาคที่ไม่ใช่น้ำมัน เช่น โลจิสติกส์ พลังงานหมุนเวียน การผลิต และการท่องเที่ยว
- เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ : เงินเฟ้อต่ำ หนี้สาธารณะลดลง เหลือ 5% ของ GDP ภาคธนาคาร แข็งแกร่ง มีทุนและสภาพคล่องเพียงพอ ระบบการคลังแม้จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน แต่ยังคงมี ดุลการคลังเกินดุลเล็กน้อย(0.5%)
- ความพยายามในการปฏิรูปโครงสร้าง : ดำเนินการตามแผน Oman Vision 2040 อย่างต่อเนื่อง ปรับปรุงระบบภาษี การบริหารการคลัง และการเข้าถึงสินเชื่อ
📈 แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2569
- การเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น : GDP คาดว่าจะเติบโตเป็น 7% จากการผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการผลิตน้ำมัน และการลงทุนภาคนอกน้ำมัน
- การฟื้นตัวทางการคลัง : แม้ดุลการคลังจะอ่อนแอชั่วคราวในปี 2568–2569 จากราคาน้ำมันต่ำ แต่มีแนวโน้มฟื้นตัวในระยะกลาง
- ผลกระทบจากปัจจัยภายนอกจำกัด : ความตึงเครียดทางการค้าโลกกระทบน้อย แต่เศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัวอาจมีผลทางอ้อม
📦 ผลกระทบต่อการนำเข้าสินค้า
- นำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค / เครื่องจักรกล / วัตถุดิบอุตสาหกรรม : โอมานยังคงต้องพึ่งการนำเข้า สินค้าทุน เครื่องจักรกล และสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อสนับสนุนโครงการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและบริการ ขณะที่ การเติบโตของภาคที่ไม่ใช่น้ำมันจะกระตุ้นความต้องการนำเข้าเครื่องจักร วัสดุก่อสร้าง และเทคโนโลยี
- ผลกระทบด้านราคาน้ำมัน : ราคาน้ำมันที่ลดลงอาจทำให้โอมาน ชะลอการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย หรือโครงการลงทุนบางส่วน แต่ IMF มองว่าโครงสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแรงจะ ช่วยลดความผันผวนของการนำเข้าในภาพรวม
- การเข้าถึงแหล่งทุนดีขึ้น : การปฏิรูปภาคการเงินทำให้ภาคธุรกิจมี สภาพคล่องมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้การนำเข้าสินค้าเพื่อธุรกิจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
✅ ผลดีต่อการส่งออกของไทยไปโอมาน
- เศรษฐกิจโอมานโตในภาคที่ไม่ใช่น้ำมัน ➡️ เพิ่มความต้องการนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้างจากไทย
- ระบบธนาคารแข็งแรง – เอกชนเข้มแข็ง ➡️ หนุนการนำเข้าสินค้าธุรกิจ เช่น วัตถุดิบ อาหารแปรรูปจากไทย
- เงินเฟ้อต่ำ – ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ ➡️ ส่งผลดีต่อสินค้าอุปโภคบริโภคไทย เช่น อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง
- นโยบายเปิดประเทศ – Oman Vision 2040 ➡️ เปิดโอกาสให้ไทยขยายการค้า การลงทุน และบริการ
❌ ผลเสีย/ความเสี่ยงต่อการส่งออกของไทย
- ราคาน้ำมันต่ำ – รายได้รัฐลดลง➡️ อาจทำให้โครงการรัฐชะลอ กระทบสินค้าทุนจากไทย
- ดุลการคลังตึงตัวในระยะสั้น ➡️ โอมานอาจลดการใช้จ่าย กระทบสินค้าฟุ่มเฟือยจากไทย
- เศรษฐกิจโลกยังเสี่ยง ➡️ กระทบกำลังซื้อและการนำเข้าของโอมานโดยรวม
การค้าระหว่างประเทศไทย-โอมาน
ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2568 ไทยมีมูลค่าการค้ากับโอมานรวม 395.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว17.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออก 136.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 259.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกหลักของไทย ได้แก่ ยานพาหนะและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑยาง อุปกรณ์และส่วนประกอบอากาศยาน ปลากระป๋อง ข้าว ผลิตภัณฑ์เหล็ก เครื่องจักรและส่วนประกอบ เครื่องสำอาง ส่วนสินค้านำเข้าหลักจากโอมาน ได้แก่ น้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์เหล็ก สัตว์น้ำสดแช่เย็น/แช่แข็ง ปุ๋ยและเคมีภัณฑ์
ข้อเสนอแนะ: ผู้ส่งออกควรจับตามองความต้องการในกลุ่มสินค้าเพื่อการลงทุนและโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมเสริมกลยุทธ์ด้านคุณภาพและการร่วมมือกับคู่ค้าท้องถิ่น เพื่อใช้ประโยชน์จากทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของโอมานในระยะกลาง
————————————————————————–
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.ditp.go.th/post/206212&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw0AymVyF8v2o9eEF4n7k7FS