หากเป็นไปตามกระบวนการอีก 1 เดือนจากนี้ เราน่าจะรู้แล้วว่า “ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่” ซึ่งทุกคนคาดหวังว่าจะเข้ามาเป็น “อัศวินม้าขาว” ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยจากวิกฤติครั้งนี้เป็นใคร แต่ก่อนจะถึงวันนั้น “ทีมเศรษฐกิจ” ชวนมาช่วยกันค้นหาคุณสมบัติ “ผู้ว่าการ ธปท.ในฝัน” ว่าควรเป็นอย่างไร…ดังนี้

“ลวรณ แสงสนิท”
ปลัดกระทรวงการคลัง
“ปลัดกระทรวงการคลัง” ให้มุมมองถึงผู้ว่าการ ธปท.ในฝัน โดยมองถึงภาพการขับเคลื่อนเศรฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน รวมถึงการฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ
ที่กำลังโหมซัดเศรษฐกิจไทย
“กระทรวงการคลัง และ ธปท.จะต้องมองภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดด้วย เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติทั้งเศรษฐกิจและสังคม มุมมองเกี่ยวกับผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ โดยส่วนตัว อยากได้แค่คนที่มองเห็นภาพรวมเศรษฐกิจข้างหน้าไปในทิศทางเดียวกัน และสามารถนำมาตรการการคลังและมาตรการการเงิน มาใช้ควบคู่กันอย่างมีประสิทธิภาพ”

“ณพพงศ์ ธีระวร”
ประธานสมาพันธ์ SME ไทย
ลักษณะของผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ที่ SMEs ต้องการ คือ ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้างของ SMEs มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงปัญหาที่ผู้ประกอบการ SMEs เผชิญอยู่ เช่น การเข้าถึงแหล่งทุนที่ยากลำบาก หนี้สินที่สูงขึ้นและการแข่งขันอย่างรุนแรงจากสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน
นอกจากนี้ ยังต้องมีวิสัยทัศน์ในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ วางนโยบายที่ช่วยให้ SMEs ปรับตัวและแข่งขันได้ในระยะยาว เช่น การสนับสนุนให้ SMEs เข้าถึงองค์ความรู้ด้านการเงิน และเข้าถึงสินเชื่อต้นทุนต่ำ
“ไม่ว่า ธปท.จะกำหนดนโยบายใดๆ ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ประกอบการ SMEs ที่มีมากถึง 99.5% ของผู้ประกอบการทั้งประเทศ 3.25 ล้านราย ไม่ใช่แค่ปกป้องสถาบันการเงินไม่กี่ 10 แห่งเท่านั้น”
ส่วนสิ่งที่ต้องการให้ดำเนินการเร่งด่วน คือ การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน เนื่องจากดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูงส่งผลกระทบต่อต้นทุนของ SMEs ขณะเดียวกันควรจัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เพื่อช่วยเหลือ SMEs และเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย

“อมรเทพ จาวะลา”
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย
ประเทศไทยต้องการ “ผู้ว่าฯแบบไหน” คำตอบของผมเรียบง่ายแต่สำคัญ : ประเทศไทยต้องการ “ผู้ว่าที่กล้า” : กล้าคิด กล้าทำ กล้ารับผิดชอบ กล้าเดินบนเส้นทางที่ยาก หากมันคือทางที่ถูกต้องเพื่ออนาคตของประเทศ
เริ่มจาก กล้ารู้ กล้านำ กล้าตัดสินใจนโยบายการเงิน : ผู้ว่าฯควรมีความรู้ลึกซึ้งด้านนโยบายการเงิน และกล้าที่จะเชื่อมโยงมาตรการของ ธปท.เข้ากับระบบธนาคาร โดยไม่ใช่แค่รักษาเสถียรภาพ แต่ต้อง “กล้าผลักดันการเติบโต” ด้วย กล้าท้าทาย กล้าแย้ง กล้าหาทางออก : ผู้ว่าฯควรเป็นคนที่กล้ายืนหยัดต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทั้งการ
ทุจริตในภาคธุรกิจหรือการใช้นโยบายระยะสั้นที่ขาดความยั่งยืน แม้ต้องแสดงความเห็นต่างจากภาครัฐหรือกระแสสังคม ก็ต้อง “กล้าแสดงออก” อย่างมีเหตุผล กล้าหาทางออกร่วมกัน ประนีประนอมเท่าที่ไม่กระทบต่อเสถียรภาพระยะยาว
นอกจากนั้น จะต้อง กล้าคิดใหม่ กล้าฉีกกรอบเดิม : ผู้ว่าฯที่ดีต้องกล้าคิดนอกกรอบ กล้าทดลองแนวทางใหม่ พร้อมผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ “กล้าร่วมมือ” เพื่อเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง กล้าสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา : “กล้าพูดความจริง” ผู้ว่าฯควรพูดกับประชาชน นักลงทุน สื่อมวลชนด้วยภาษาที่เข้าถึงได้ ไม่เลี่ยง ไม่คลุมเครือ และกล้าสะท้อนมุมมองเศรษฐกิจเพื่อความเชื่อมั่นและความเข้าใจร่วมกัน กล้าเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ : “กล้าเปิดใจ” ต่อความเปลี่ยนแปลง ไม่ปิดกั้นนวัตกรรม เช่น คริปโตเคอร์เรนซีหรือการเงินดิจิทัล ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ได้ในอนาคต
กล้าลงทุนในอนาคตของชาติ : เมื่อไทยมีเงินสำรองระหว่างประเทศสูง ผู้ว่าฯจึงควร “กล้าใช้ทรัพยากร” เหล่านี้ โดยคงไว้ซึ่งความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง กล้าคิดการใหญ่โดยไม่ทิ้งความรับผิดชอบ และสุดท้าย ผู้ว่าการ ธปท.ในฝันควร “กล้าปล่อยวางอัตตา” ผู้ว่าฯที่แท้จริงควรเป็นเพียงคนไทยคนหนึ่งที่กล้าทำดีที่สุดในเวลาที่มี และพร้อมเดินจากไปอย่างสง่างาม

“ไพบูลย์ นลินทรางกูร”
นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน
ความคิดเห็นจากฝั่งตลาดทุนว่า “ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยที่อยากได้ คือคนที่มีความรู้ลึกด้านเศรษฐศาสตร์ ที่ไม่ยึดติดกับทฤษฎีตามตำรา แต่สามารถประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบทของเศรษฐกิจไทย”
ควรมีประสบการณ์ตรงในการทำงานระดับบริหารด้านตลาดเงินและตลาดทุน เข้าใจวิธีการบริหารนโยบายการเงินอย่างลึกซึ้ง เข้าใจระบบสถาบันการเงินไทย พร้อมทั้งมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจไทย ตลาดการเงินไทย และระบบสถาบันการเงินไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก ขณะเดียวกันต้องยึดมั่นใน
ความเป็นอิสระจากการเมือง มีจริยธรรม โปร่งใส และได้รับความน่าเชื่อถือจากสาธารณชน การสื่อสารนโยบายควรทำได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย เพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจปรับตัวได้อย่างเหมาะสม
ผู้ว่าการยังควรเข้าใจปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานราก สามารถออกแบบนโยบายที่ลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างแท้จริง มีความสามารถรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจและสถานการณ์ไม่แน่นอน และที่สำคัญต้องทำงานร่วมกับรัฐบาลได้อย่างสร้างสรรค์ โดยไม่เสีย
หลักการ มีภาวะผู้นำที่สร้างความเชื่อมั่นในระบบการเงินประเทศได้อย่างมั่นคง
“ท้ายที่สุด สำหรับเรื่องเร่งด่วนคือ การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนให้ได้ผลจริง ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งเกินไปและให้มีเสถียรภาพ และพิจารณาลดดอกเบี้ยอีก 1–2 ครั้ง ในปีนี้”

“จีรพันธ์ อัศวะธนกุล”
รองประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ผู้ว่าการ ธปท.ในฝันของภาคเอกชน อย่างแรกต้องเข้าใจความเป็นจริงของโครงสร้างเศรษฐกิจไทย, สังคมไทย, การเมืองแบบไทยๆ มีจุดยืนที่มั่นคง เพื่อบรรลุการสร้างไทยให้มีเศรษฐกิจที่มั่นคงยั่งยืน ขณะเดียวกันจะต้องพร้อมที่จะรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนำมาเป็นข้อมูลกำหนดนโยบายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
“ในภาวะที่เศรษฐกิจไทย กำลังเข้าสู่วิกฤติ ผู้ว่าฯคนใหม่ควรเร่งสร้างความเชื่อมั่น จากทุกภาคส่วนทั้งในและนอกประเทศถึงความเป็นอิสระของ ธปท. ขณะเดียวกันต้องสร้างภาพลักษณ์ถึงความมีเอกภาพของนโยบายการเงิน และนโยบายการคลัง ว่ามีจุดหมายเดียวกันคือความมั่นคงของเศรษฐกิจของไทย”
นอกจากนั้น ภาคเอกชนยังอยากฝากให้ผู้ว่าฯดูแลอัตราดอกเบี้ย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก โดยเฉพาะผลต่างดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ รวมทั้งดูแลค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดและทันต่อสถานการณ์ และเหมาะสมกับผู้ประกอบการไทย.
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thairath.co.th/money/economics/thai_economics/2863222&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3FBK8hE80NwKBZJeJJGiCK