“ษัษฐรัมย์” บอร์ดฝั่งลูกจ้าง เผย กรณี รบ.ใช้หนี้ 1 หมื่นล้าน สปส.ไปกระตุ้นเศรษฐกิจ พบ เป็นโครงการเดิม วงเงิน 2 หมื่นล้านที่ผ่านการเห็นชอบแล้ว ยืนยัน ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย เพียงอยากให้ความสำคัญกับผู้ประกันตนมากกว่า ชี้ โครงการเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการ อีกทั้งงบหมื่นล้าน ได้คืนในฐานะหนี้ พ่วงโปรเจ็ค แต่หน่วยงานอื่นได้เงินเปล่า ตั้งคำถามเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมียอดชใช้หนี้เพิ่มขึ้นอีก – ขณะที่ บอร์ดฝั่งนายจ้าง เผย เห็นด้วย 100% เป็นการกระตุ้น ศก. ทั่วประเทศ
วานนี้ 23 พ.ค.2568 ที่ สำนักงานใหญ่ประกันสังคม จ.นนทบุรี มีการประชุมคณะกรรมการประกันสังคม หรือบอร์ดประกันสังคมเฉพาะกิจเร่งด่วน โดยหนึ่งในวาระที่หลายคนจับตามองนั่นคือ การประชุมระเบียบวาระที่ 3 เรื่องพิจารณา โครงการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานให้กองทุนประกันสังคม วงเงินเพิ่ม 10,000 ล้านบาท ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม, และมีตัวแทนคณะกรรมการประกันสังคมฝ่ายผู้ประกันตน และฝั่งนายจ้าง เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย
โดยวาระดังกล่าว สอดคล้องกับการที่ รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนคณะกรรมการประกันสังคม โพสต์ในเฟซบุ๊กให้จับตาการประชุม ว่า “มติ ครม.วางงบประมาณการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามกรอบ ครม. 157,000 ล้าน
โดยกระบวนการที่คาดน่าจะเป็นการคืนเงินที่ค้าง 10,000 ล้านบาท (จากที่มีอยู่ 50,000 กว่าล้าน สะสมที่เคยค้าง 1xx,xxx ล้าน) ซึ่งก็คือเงินประกันสังคมนี่แหละ แต่ต้องนำ 10,000 ล้านที่รัฐคืนนั้นร่วมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลเพิ่งแถลงว่า GDP โต 3% แต่จะนำเงินคงค้างประกันสังคมมากระตุ้นเศรษฐกิจ ? มีลูกหนี้แบบไหนเขาทำกัน”
ทีมข่าวได้ข้อมูลว่า โครงการดังกล่าวคือ “โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานระยะที่ 3 (พ.ศ.2568-2569)” ซึ่งคณะกรรมการ สำนักงานประกันสังคมมีมติเห็นชอบหลักการดำเนินโครงการดังกล่าว วงเงินโครงการเดิมทีอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท วัตถุประสงค์ของการขอสินเชื่อเพื่อเป็นทุนเสริมสร้างสภาพคล่องสถานประกอบการและเพิ่มผลผลิตแรงงานโดยไม่สามารถดำเนินการขอสินเชื่อเพื่อ Fefinance ได้
ทีมข่าวได้ข้อมูลอีกว่า การประชุมดังกล่าว เป็นข้อพิจารณาเพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 และให้ธนาคารสามารถเตรียมพร้อมเริ่มโครงการตามกำหนดที่ธนาคารแจ้งไว้ สำนักงานประกันสังคมจึงขอเสนอคณะกรรมการประกันสังคมชุดที่ 14 เพื่อโปรดพิจารณา หลักๆ คือ “เห็นชอบ เพิ่มวงเงินโครงการจากเดิม 20,000 ล้านบาทเป็นจำนวน 30,000 ล้านบาท”
ภายหลังการประชุม อาจารย์ ษัษฐรัมย์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระบุว่า กรณีดังกล่าว จากมติที่ประชุม เราทำความเข้าใจเพื่อรับทราบว่าเงิน 10,000 ล้านบาทนี้ เป็นเงินการใช้หนี้จากรัฐบาล ประกันสังคมของส่วนที่ติดอยู่ประมาณ 50,000 กว่าล้านบาท
โดยเราพยายามผลักดันในที่ประชุมว่า หน่วยงานอื่นรัฐบาลให้เงิน แต่ประกันสังคมรัฐบาลให้ในส่วนของการใช้หนี้ ดังนั้นมองว่าคนละเงื่อนไขกัน เราจึงมีความพยายามสื่อสารไปถึงตัวแทนกรมบัญชีกลาง และตัวแทนของหน่วยงานรัฐ ที่เกี่ยวข้องว่าหากต้องการให้ประกันสังคมเข้าร่วมตัวมาตรการดังกล่าวเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมียอดอัตราการใช้หนี้ที่เพิ่มเติมมากขึ้นกว่านี้
อาจารย์ษัษฐรัมย์ กล่าวว่า ตัวโครงการดังกล่าวนี้ เป็นโครงการที่ประกันสังคมดำเนินการมาก่อนแล้ว ยืนยันว่า กรรมการฝั่งผู้ประกันตน และทีมประกันสังคมก้าวหน้า ไม่ได้คัดค้านนโยบายของรัฐบาลในทุกเรื่อง เห็นด้วยกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อยากให้ความสำคัญกับผู้ประกันตนมากกว่า เพราะนโยบายที่ให้มานั้นเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการ แต่เราต้องข้อสังเกตเช่นกัน ว่า วาระหลายอย่างที่เป็นวาระสำคัญกับผู้ประกันตนไม่มีความคืบหน้าแต่วาระการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลกลับมีการดำเนินการที่รวดเร็ว และมีการตั้งการประชุมพิเศษขึ้นมา
ส่วนการคืนเงินที่เหลือจากรัฐบาลกว่า 40,000 ล้านบาทนั้น อ.ษัษฐรัมย์ กล่าวว่า ทุกๆปีประกันสังคมขอเงินคืนทั้งหมด ในช่วงที่ผ่านมาเป็นขาขึ้นของรัฐบาลซึ่งก็มีการพยายามคืนเงิน แต่ในทางปฏิบัติตนคิดว่าหากรัฐสามารถคืนเงินได้ทั้งหมดจะทำให้ประกันสังคมสามารถวางแผนการจัดการสิทธิประโยชน์ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องคืนอยู่แล้วอย่างที่ตนกล่าวไปว่า “หน่วยงานอื่นได้รับเงินให้เปล่า แต่ของเราประกันสังคม ได้ในฐานะการคืนหนี้ และเป็นการคืนหนี้ที่พ่วงกับโครงการหรือโปรเจ็คอะไรต่างๆ เหมือนกับเพื่อนยืมเงินเราไป แล้วเพื่อนบอกว่า ฉันจะคืนเงินนะ แต่ช่วยฉันทำบุญด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราตั้งถาม แต่เราไม่ได้ปฏิเสธ เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญในสถานการณ์นี้“
เมื่อถามว่าเงิน 10,000 ล้านบาทนี้หากไม่ใช่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจควรเอาไปทำอะไร อ.ษัษฐรัมย์ กล่าวว่า ต้นว่านหลักใหญ่ใจความหน้าที่หลักของ สปส. คือ การออกแบบสิทธิประโยชน์ไม่ว่าจะเป็น การรักษาพยาบาลหรือการว่างงาน ฯลฯ
ทั้งนี้ มองว่า เงิน 40,000 กว่าล้านบาท สำหรับรัฐบาล แต่ส่วนตัวมองว่ายากที่ประกันสังคมจะไปทวงเงินรัฐบาล เพราะประกันสังคม มีฐานะเป็นเพียงกลมหนึ่งของกระทรวงแรงงาน ซึ่งมีคนที่มีอำนาจมากกว่าเลขาฯอีกมาก
ขณะที่ นายทวีเกียรติ รองสวัสดิ์ กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่ขอชี้แจงผ่านช่องทางไลน์กับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ว่า เห็นด้วย 100% เนื่องจาก สปส.ได้เงินชำระหนี้ อีกทั้งโครงการนี้ ช่วยทั้งนายจ้างและลูกจ้าง เป็นการเสริวเศรษฐกิจ นายจ้างไม่เจ๊ง ส่วนลูกจ้างได้ทำงานต่อไป ซึ่งนายจ้างทั่วประเทศ 5 แสนราย ส่วนลูกจ้าง อีก 24 ล้านราย นับว่าเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั่วประเทศ เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันฝ่ายนายจ้างยังได้เสนอขอเพิ่มอีก 1-4 หมื่นล้าน
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://ch3plus.com/news/economy/weekend/440216&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2sKbLNLKCiaT0iH-G1K46p