เว็บไซต์รัฐบาลไทย

​“ดร.เฉลิมชัย” ลงพื้นที่แก้ปัญหา การสะสมตะกอนดินให้ชุมชนชายฝั่ง พร้อมรับฟังข้อเสนอแนวทางการพัฒนาแหล่งศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลน

​“ดร.เฉลิมชัย” ลงพื้นที่แก้ปัญหา การสะสมตะกอนดินให้ชุมชนชายฝั่ง พร้อมรับฟังข้อเสนอแนวทางการพัฒนาแหล่งศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลน

วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เวลา 14.00 น. ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. และคณะผู้บริหาร ทส. ลงพื้นที่ ณ ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านในถุ้ง ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อรับฟังปัญหาของชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัดพาตะกอนดินในทะเลมาสะสมบริเวณชายฝั่งในพื้นที่ตำบลท่าศาลา ซึ่งกระทบต่อการประกอบอาชีพประมงชายฝั่งของประชาชนในพื้นที่ พร้อมรับฟังข้อเสนอแนวทางการพัฒนาแหล่งศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลน เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และการปลูกป่าชายเลนเพื่อเพิ่มคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นข้อเสนอจากท้องถิ่นและชุมชนในพื้นที่เพื่อให้เกิดแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในเชิงสร้างสรรค์และเกิดผลประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจแก่ชุมชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน

โดย ดร.เฉลิมชัย ได้มอบแนวทางในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชุมชนที่เกิดจากการสะสมของตะกอนดิน โดยได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (สงขลา) เร่งดำเนินโครงการปักไม้ไผ่ชะลอคลื่นตามแนวชายฝั่งในพื้นที่ตำบลท่าศาลาระยะทางประมาณ 500 เมตร เพื่อเป็นแนวกันคลื่นและเป็นการดักตะกอนดินเลนให้เหมาะต่อการปลูกพืชพันธุ์ป่าชายเลนที่จะเป็นแนวป้องกันช่วยชะลอคลื่นลมตามธรรมชาติต่อไป เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาให้กับชุมชน พร้อมทั้งได้มอบหมายให้ประสานกับกรมป่าไม้ในการดำเนินการเนื่องจากมีพื้นที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในส่วนของการดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนฯ ให้พิจารณาดำเนินการร่วมกับท้องถิ่นในระยะต่อไป นอกจากนี้ ดร.เฉลิมชัย ยังได้กล่าวกับผู้นำชุมชนและผู้นำท้องถิ่นที่เข้าร่วมหารือ ว่า “พื้นที่ป่าชายเลนเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญ การจะขอใช้ต้องเสนอผ่านคณะรัฐมนตรี เพราะต้องการให้เกิดการรักษาพื้นที่ป่าชายเลนไว้ เนื่องจากเป็นทั้งที่อยู่ ที่กิน และเป็นอนาคตของพี่น้องในพื้นที่ชุมชนชายฝั่ง และการจะช่วยแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้อย่างตรงจุดและรวดเร็วจำเป็นต้องอาศัยประชาชนในพื้นที่เป็นผู้ชี้เป้า รวมถึงเป็นผู้ที่ช่วยกันรักษาดูแลทรัพยากรในพื้นที่ให้คงอยู่และเกิดประโยชน์ต่อไปอย่างยั่งยืน“