ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 5/2568 วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2568 โดยมี พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุม และมี รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา รักษาราชการแทนเลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นเลขานุการการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและมีมติที่สำคัญ ดังนี้
1. เห็นชอบ การปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ องค์ประกอบ ตัวชี้วัด คะแนนฯ แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนิน การย้าย การประมวลผล และการพิจารณาย้ายข้าราชการครู ผ่านระบบ TRS และการกำหนดปฏิทินในการย้าย
สืบเนื่องจากที่สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายฯ ว6/2567 และให้ดำเนินการย้ายผ่านระบบ TRS (Teacher Rotation System) โดยภายหลังการย้ายครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2568 ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นและประเด็นปัญหาจากการใช้งานระบบ TRS ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ของสำนักงาน ก.ค.ศ. และได้เชิญผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการใช้งานระบบ TRS เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการและพัฒนาระบบการย้ายข้าราชการครู (Teacher Rotation System : TRS) และได้นำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาหลักเกณฑ์ฯ การย้ายและระบบ TRS ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดย ก.ค.ศ. พิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อให้การย้ายข้าราชการครูผ่านระบบ TRS ครั้งที่ 2 ประจำปี 2568 ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 10 ตุลาคม 2568 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงเห็นชอบการดำเนินการ ดังนี้
1. การปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ว 6/2567)
2. การปรับปรุงองค์ประกอบ ตัวชี้วัด คะแนน เงื่อนไขกรณีได้คะแนนเท่ากัน และกรอบการพิจารณาย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ กรณีปกติ ที่เสนอปรับปรุงใหม่
3. การปรับปรุงแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการย้าย การประมวลผล และการพิจารณาย้ายข้าราชการครู ผ่านระบบ TRS (Teacher Rotation System) (ว 24/2567)
4. การกำหนดปฏิทินในการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านระบบ TRS
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการย้ายผ่านระบบ TRS มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีกรอบในการพิจารณาที่ชัดเจน ข้าราชการครูมีโอกาสในการได้รับพิจารณาย้ายมากขึ้น มีความโปร่งใส ไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นไปตามนโยบายครูและบุคลากรทางการศึกษาคืนถิ่น ของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ปรับรายละเอียดตามความคิดเห็นของที่ประชุมและตรวจสอบความถูกต้องก่อนแจ้งเวียนให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและถือปฏิบัติต่อไป
2. เห็นชอบ การกำหนดขนาดสถานศึกษา รายละเอียดตัวชี้วัดและคะแนนในการประเมินตามองค์ประกอบการประเมินศักยภาพของผู้ประสงค์ขอย้าย ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปี พ.ศ. 2568
สืบเนื่องจากหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ตาม ว 9/2567ได้กำหนดให้ส่วนราชการกำหนดขนาดสถานศึกษา รายละเอียดตัวชี้วัดและคะแนนในการประเมินตามองค์ประกอบการประเมินศักยภาพของผู้ประสงค์ขอย้าย ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา และแจ้งสำนักงาน ก.ค.ศ. เพื่อเสนอ ก.ค.ศ. พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปี พ.ศ. 2568 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส และเป็นธรรม ก.ค.ศ. จึงได้พิจารณาและเห็นชอบการกำหนดขนาดสถานศึกษาของส่วนราชการ และการกำหนดรายละเอียดตัวชี้วัดและคะแนนในการประเมินตามองค์ประกอบการประเมินศักยภาพของผู้ประสงค์ขอย้าย ดังนี้
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำหนดขนาดสถานศึกษาตามจำนวนนักเรียน เป็น 4 ขนาด ดังนี้
– สถานศึกษาขนาดเล็ก จำนวนนักเรียน ตั้งแต่ 119 คนลงมา
– สถานศึกษาขนาดกลาง จำนวนนักเรียน ตั้งแต่ 120 – 719 คน
– สถานศึกษาขนาดใหญ่ จำนวนนักเรียน ตั้งแต่ 720 – 1,679 คน
– สถานศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ จำนวนนักเรียน ตั้งแต่ 1,680 คนขึ้นไป
การกำหนดรายละเอียดตัวชี้วัดและคะแนนในการประเมินตามองค์ประกอบการประเมินศักยภาพของผู้ประสงค์ขอย้าย ประกอบด้วย
1. ความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการศึกษา
2. ประสบการณ์ในการบริหารสถานศึกษาและระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งที่เหลืออยู่
3. ผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติงานในหน้าที่/คุณภาพการปฏิบัติงาน
4. วิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการศึกษา
5. การพัฒนาตนเองและพัฒนาวิชาชีพ
6. การมีความประพฤติและค่านิยมสร้างสรรค์ มีความภาคภูมิใจใประวัติศาสตร์ของชาติไทย มีจิตสำนึกรักความเป็นไทย มีคุณธรรมจริยธรรม ค่านิยมและหลักคิดที่ถูกต้องต่อชาติบ้านเมือง สถาบันสำคัญของชาติ และการเป็นพลเมืองที่ดี
7. ผลการประเมินตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement: PA)
3. เห็นชอบ รายละเอียดการดำเนินการเกี่ยวกับการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขอให้พิจารณารายละเอียดการดำเนินการเกี่ยวกับการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกฯ (ว12/2568) โดยได้ปรับปรุงรายละเอียดการดำเนินการเกี่ยวกับการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งฯให้สอดคล้องกับมาตรฐานตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา (ว 19/2567) ที่กำหนดให้ผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนี้ ต้องผ่านการพัฒนาก่อนแต่งตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด โดยมีรายละเอียดสาระสำคัญ ดังนี้
ภาค ก ความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานในหน้าที่ (คะแนนเต็ม 100 คะแนน) ประเมินโดยการสอบข้อเขียน เน้นการศึกษา การวิเคราะห์ การแก้ปัญหาและการตัดสินใจ ในการบริหารงานในหน้าที่และการนำไปใช้เป็นสำคัญ
ภาค ข ประวัติ ประสบการณ์ และผลงาน (คะแนนเต็ม 100 คะแนน) พิจารณาจาก ประวัติและประสบการณ์ (60 คะแนน) และผลงาน (40 คะแนน)
ภาค ค ความเหมาะสมกับตำแหน่ง (คะแนนเต็ม 100 คะแนน)
1. วิสัยทัศน์และแนวคิดในการบริหารจัดการสถานศึกษา (50 คะแนน)
2. การสัมภาษณ์ (50 คะแนน) พิจารณาจาก เจตคติ และอุดมการณ์ของการเป็นรองผู้อำนวยการสถานศึกษาหรือผู้อำนวยการสถานศึกษา ภาวะผู้นำและการตัดสินใจ แนวคิดการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตและการปฏิบัติงาน บุคลิกภาพ และปฏิภาณ ท่วงที วาจา
นอกจากนี้ ก.ค.ศ. มีมติเห็นชอบเงื่อนไขระยะเวลาการขึ้นบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกเป็น “ระยะเวลาหนึ่งปี นับตั้งแต่วันที่ประกาศขึ้นบัญชี ผู้ได้รับการคัดเลือก”
4. เห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการได้มา คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และการพ้นจากตำแหน่งของประธานอนุกรรมการกรณีที่มิได้แต่งตั้งจากกรรมการ ใน ก.ค.ศ. และของอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และอนุกรรมการซึ่งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ใน อ.ก.ค.ศ. วิสามัญ พ.ศ. 2568
โดยให้ยกเลิกมติ ก.ค.ศ. ในการประชุมครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2560 เรื่อง การกำหนดคุณสมบัติ ลักษณะ ต้องห้าม หลักเกณฑ์และวิธีการได้มา และการพ้นจากตำแหน่งของประธานอนุกรรมการ กรณีที่มิได้แต่งตั้งจากกรรมการ ใน ก.ค.ศ. และของอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และอนุกรรมการซึ่งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ใน อ.ก.ค.ศ. วิสามัญ พ.ศ. 2560
ที่มา สำนักงาน ก.ค.ศ.
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.kroobannok.com/92733&ct=ga&cd=CAIyHDI4ODcxZTExZDQzMWVlYzA6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw1-MdwPaBVePOVE_6SbyA7N