เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจว่า ขอเตือนว่า รัฐบาลกำลังเผชิญกับศึกทั้งภายนอกและภายใน ขอให้ผู้มีอำนาจตั้งหลักให้มั่น ฟังเสียงฝ่ายความมั่นคง และมีสมาธิกับการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ก่อนที่ความเชื่อมั่นจะถดถอยทั้งในประเทศและในเวทีโลก โดยตนมีข้อห่วงใยและข้อสังเกตใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ ศึกภายนอกที่ไทยเสี่ยงเสียบทบาทภูมิรัฐศาสตร์ หากขาดยุทธศาสตร์ระยะยาว จากความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชาในช่วงนี้ เป็นมากกว่าความขัดแย้งเรื่องพรมแดน เพราะแท้จริงแล้วเกี่ยวพันกับการช่วงชิงอิทธิพลในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและตอนล่างของอินโดจีน ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพเป็นแกนกลางของภูมิภาคนี้
นายสรรเพชญ กล่าวว่า วันนี้อาเซียนไม่ใช่แค่เวทีร่วมมือ แต่เป็นสนามแข่งขันทางอำนาจ หากไทยไม่ประเมินสถานการณ์ด้วยมุมมองเชิงยุทธศาสตร์ ปัญหาไทย-กัมพูชาอาจถูกชาติอื่นแทรกแซง และบั่นทอนบทบาทไทยรัฐบาลควรใช้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำที่เคยมีเป็นทุนทางการทูต เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ แต่กลับสิ่งที่เกิดขึ้นกลับไร้สัญญาณของการประคับประคองความสัมพันธ์ ขณะเดียวกันฝ่ายการเมืองกลับตอบโต้อย่างไร้ทิศทาง พร้อมเสนอให้เปิดใจรับฟังฝ่ายความมั่นคง ซึ่งอยู่หน้างานจริงและมีข้อมูลเชิงลึกต่อภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น
นายสรรเพชญ กล่าวอีกว่า ประเด็นถัดมาเรื่อง ศึกภายใน รวมถึงการแย่งตำแหน่งกระทบศรัทธาประชาชน โดยเฉพาะความวุ่นวายในการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เป็นภาพสะท้อนของการเมืองที่ไร้อุดมการณ์ และกำลังทำให้ประชาชนหมดหวัง สิ่งที่ประชาชนเห็น ไม่ใช่ผู้นำที่ห่วงใยบ้านเมือง แต่คือเกมเก้าอี้ดนตรีของนักการเมืองในรัฐบาล โดยเฉพาะกระแสการปรับคณะรัฐมนตรีรายวัน ขณะที่ชาวบ้านต้องดิ้นรนกับค่าครองชีพ หนี้สิน และเศรษฐกิจที่ถดถอย จึงขอเตือนว่าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พรรคการเมืองที่ตกอยู่ในวังวนของการต่อรองผลประโยชน์ อาจกลายเป็นชนวนแห่งความล่มสลายของรัฐบาลเอง พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำฝ่ายบริหารมีสติและให้ความสำคัญกับประชาชนก่อนตำแหน่งทางการเมือง
สส.สงขลา กล่าวด้วยว่า ประการสุดท้ายเรื่องเศรษฐกิจ – ราคาปาล์มตกต่ำ ชาวบ้านเดือดร้อน รัฐต้องหยุดโรงงานเอาเปรียบเกษตรกร วิกฤตราคาปาล์มน้ำมันที่กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเกษตรกรในหลายพื้นที่ภาคใต้ ขณะนี้ลานรับซื้อและโรงงานบางแห่งได้ “หยุดรับซื้อ” หรือ “จำกัดโควตา” จนทำให้รถบรรทุกผลปาล์มต้องต่อคิวยาวกว่า 2-3 กิโลเมตรเพื่อรอขายสินค้า นอกจากนี้ยังมีปัญหาราคาสินค้าทางการเกษตรอื่น ๆ ที่ตกต่ำอีกเช่น ยาวพารา เป็นต้น ราคาน้ำมันปาล์มขวดในห้างขึ้นราคา แต่ราคาผลผลิตปาล์มจากเกษตรกรกลับร่วงหนัก นี่คือภาพสะท้อนของระบบเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม รัฐต้องไม่ปล่อยให้โรงงานเป็นผู้กำหนดเกมอยู่ฝ่ายเดียว ขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เหมือนใส่เกียร์ว่างเพราะจะหลุดจากตำแหน่ง ได้ใช้โอกาสที่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายไปลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์จริง และหาทางแก้ปัญหาเชิงระบบ ทั้งด้านกลไกตลาดและการควบคุมการกดราคาจากผู้รับซื้ออย่างจริงจัง
นายสรรเพชญกล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลต้องทบทวนบทบาทของตนเองอย่างเร่งด่วน พร้อมเปิดพื้นที่ให้กับแนวคิดใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์อนาคต เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการเติบโตของเมืองและเศรษฐกิจ อันจะทำให้พื้นที่อื่น ๆ ได้รับการพัฒนา การปฏิรูประบบแรงงานเพื่อรับมือ AI การดึงดูดการลงทุนคุณภาพสูงจากต่างประเทศ และการวางระบบการศึกษาใหม่เพื่อปั้นคนไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลก
“สิ่งที่รัฐบาลต้องตอบตอนนี้ไม่ใช่แค่ใครจะได้เก้าอี้รัฐมนตรี แต่ต้องตอบให้ได้ว่าเราจะพาคนไทยไปสู่ประเทศที่มั่นคง มั่งคั่ง และเท่าทันโลกได้อย่างไร” นายสรรเพชญกล่าว
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.dailynews.co.th/news/4819840/&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2C0J3DiHZBPytpm_5NjEal