รมว.ดีอี ลุย ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ทั่วไทย ตั้งเป้าใช้ e-Office ในหน่วยงานรัฐท้องถิ่น 1,000,000 Users ปี 68
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ล่าสุด กระทรวงฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินนโยบายการปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยดำเนินการยกระดับหน่วยงานภาครัฐใช้ระบบงานเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) ในระบบ e-Office ภายใต้ ระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) ณ เทศบาลนครพิษณุโลก อ.เมือง จ.พิษณุโลก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการด้านเอกสาร และระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องภายในองค์กร
คอนเทนต์แนะนำ
ซึ่งกระทรวงฯ ได้เร่งรัดสนับสนุนการใช้งานระบบ e-Office กำหนดเป้าหมายการใช้งานระบบของหน่วยงานรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปี 2568 ไว้ที่จำนวน 1,000,000 Users สำหรับจังหวัดพิษณุโลก มีหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เริ่มดำเนินการใช้งานระบบ e-Office ไปแล้ว 57 แห่ง ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมาของปี 68 กระทรวงฯ ได้เร่งรัดการสนับสนุนการใช้งานระบบ e-office ในหน่วยงานรัฐ และอปท.ทั่วประเทศ แล้วกว่า 70 หน่วยงาน มีจำนวนผู้ดำเนินการใช้งานราว 610,000 users และกำลังขยายการใช้งานในหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
จากนั้น ได้ตรวจเยี่ยมโดยศูนย์ดิจิทัลชุมชนโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ซึ่งศูนย์ดิจิทัลชุมชน มีบทบาทสำคัญในการให้บริการด้านดิจิทัลของรัฐบาลในด้านต่างๆ ทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูง การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชน การส่งเสริมเศรษฐกิจรากฐานของประเทศให้เข้มแข็ง เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ซึ่งหลังจากนี้ ตั้งเป้า จัดตั้งศูนย์ดิจิทัลชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันจัดตั้งไปแล้วกว่า 2,000 แห่ง
“ ศูนย์ดิจิทัลชุมชนในจังหวัดพิษณุโลก จะเป็นประโยชน์สำหรับโรงเรียนและพี่น้องประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ โดยมีทั้งคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตที่ให้ใช้บริการฟรี รวมถึงมีการอบรมความรู้ต่างๆด้านดิจิทัล หลังจากนี้จะมีการต่อยอดจัดตั้งศูนย์ดิจิทัลชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยทั่วประเทศมีทั้งหมด 70,000 กว่าหมู่บ้าน 7,000 ตำบลซึ่งปัจจุบัน มีศูนย์ดิจิทัลชุมชนแล้ว 2,000 แห่ง ตั้งเป้า มีศูนย์ดิจิทัลชุมชนให้ครบทุกพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมและ ทำให้ทุกคนได้เข้าถึงการใช้งานอินเตอร์เน็ตได้อย่างเป็นธรรมและทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล”
นอกจากนี้ นายประเสริฐ ยังเปิดเผยถึงปัญหาข่าวปลอมโดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้ทำการปิดกั้นข่าวปลอมอย่างต่อเนื่อง โดยใน 1 เดือน ได้รับข้อความให้ตรวจสอบไม่น้อยกว่า 4,000,000 ข้อความ และต้องแจ้งให้ประชาชนรับทราบว่าข่าวไหนเป็นข่าวจริง หรือ ข่าวปลอม ซึ่งข่าวปลอมมักจะเป็นข่าวในช่วงสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสังคมและเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้นๆ
“ ช่วงนี้ มักจะมีข่าวปลอมเกี่ยวกับ เรื่องสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ตอนนี้ก็จะมีข่าวปลอมเกี่ยวกับเรื่องนี้เกิดขึ้นเยอะมาก ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความไม่เข้าใจ และอาจทำให้พี่น้องประชาชนหลงเชื่อและเกิดความขัดแย้ง ในเรื่องต่างๆอาจจะกระทบกระเทือนในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงมีมาตรการในการปิดกั้น และหาต้นตอของการปล่อยข่าวปลอม ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ”
ย้ำว่า การเสพข่าวต่างๆต้องใช้สติและอย่าหลงเชื่อ หากสงสัยว่าข่าวไหนเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอม สามารถโทรสอบถามได้ที่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ผ่านหลายช่องทาง
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.pptvhd36.com/news/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5/250743&ct=ga&cd=CAIyHDY2MTU4YTVjYWRlYjI0MDk6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3F0Q84n8Q9aHsMg5oHvHeE
