จากสถิติ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ของปี 2568 มีจำนวนสะสม 14,362,694 คน ลดลง 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีจำนวนมากที่สุดคือ จีน 1,958,939 คน รองลงมา มาเลเซีย 1,901,464 คน อินเดีย 978,600 คน รัสเซีย 961,143 คน และเกาหลีใต้ 673,563 คน
จากสถิติ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ของปี 2568 มีจำนวนสะสม 14,362,694 คน ลดลง 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีจำนวนมากที่สุดคือ จีน 1,958,939 คน รองลงมา มาเลเซีย 1,901,464 คน อินเดีย 978,600 คน รัสเซีย 961,143 คน และเกาหลีใต้ 673,563 คน
ยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และอดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เมื่อพิจารณารายละเอียดในรายภูมิภาค จะพบว่า “ภูมิภาคเอเชีย” มีจำนวนนักท่องเที่ยวรวมกันคิดเป็นเกือบ 63% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าไทย มีการหดตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ! ภูมิภาค “เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ” (เช่น จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน) ลดลงมากถึง 23% โดยในภูมิภาคนี้ จีน ลดลง 32.7% ฮ่องกง ลดลง 23.1% เกาหลีใต้ ลดลง 16.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับภูมิภาค “อาเซียน” ลดลง 4.6% โดยในภูมิภาคนี้ เวียดนาม ลดลง 18.8% สปป. ลาว ลดลง 17.3% กัมพูชา ลดลง 13.7% มาเลเซีย ลดลง 5.5% ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเกือบทุกประเทศ ยกเว้น เมียนมา ที่เพิ่มขึ้น 15% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากพื้นที่เหล่านี้เคยเข้ามาช่วยเติมเต็มในช่วง “โลว์ซีซัน” ของนักท่องเที่ยวจากพื้นที่ตลาดระยะไกล (Long-haul Markets) เช่น ยุโรป อเมริกา ทำให้ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้ตลอดทั้งปี
“จีนเที่ยวไทย” 5 เดือนแรกร่วง 32% ฉุดภาพรวมติดลบเกือบ 3%
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงในภาพรวม มีสาเหตุมาจากการชะลอตัวลงของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียเป็นสำคัญ ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 60% จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าไทย โดยเฉพาะจาก “จีน” ซึ่งเป็นตลาดหลักอันดับ 1 ของการท่องเที่ยวไทย โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 นักท่องเที่ยวจีนมีจำนวนทั้งสิ้น 1,958,939 คน ลดลง 32.7% เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีน 2,911,370 คนของระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 ในไทย มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย จำนวน 11.1 ล้านคน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 39.8 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนถึง 28% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด คิดเฉลี่ยเดือนละ 925,000 คน หรือวันละกว่า 30,000 คน
อย่างไรก็ตามในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 เกิดปรากฏการณ์ที่พัฒนาการของ “จำนวนนักท่องเที่ยวจีนชะลอตัวลง” โดยลดลงตามลำดับจากเฉลี่ยวันละ 21,380 คนในเดือน ม.ค. เหลือเฉลี่ยเพียงวันละประมาณ 10,000 คน ณ สิ้นเดือน พ.ค. ทำให้ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเฉลี่ยวันละประมาณ 13,000 คน ส่งผลให้สัดส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยทั้งหมดเหลือเพียง 14% ในปัจจุบัน
“หากพัฒนาการของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ชะลอตัวลงยังคงเป็นไปในอัตราข้างต้น มีความเป็นไปได้ว่าตลอดทั้งปี 2568 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยราว 4-5 ล้านคน ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยต่ำกว่า 5 ล้านคน ไม่นับช่วงโควิดและการฟื้นตัวหลังโควิด ตั้งแต่ปี 2563-2566” ยุทธศักดิ์ กล่าว
ททท.ตั้งเป้ารายได้รวมท่องเที่ยวโต 5-7%
ด้าน ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท.ตั้งเป้าหมายสร้าง “รายได้รวมการท่องเที่ยว” ตลอดปี 2568 เติบโต 5-7% เทียบกับฐานรายได้รวมปี 2567 ซึ่งปิดที่ 2.67 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ตลาดต่างประเทศ 1.67 ล้านล้านบาท และรายได้ตลาดในประเทศอีก 1 ล้านล้านบาท
หลังจาก ททท. จัดแคมเปญ “สวัสดี หนีห่าว” (Sawassdee Nihao) เมื่อวันที่ 28 พ.ค. – 1 มิ.ย. มุ่งสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัย มีคุณภาพ และเป็นมิตร เพื่อสร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นในการเดินทางให้กับ “นักท่องเที่ยวจีน” ด้วยการนำตัวแทนบริษัทนำเที่ยวจำนวน 400 ราย สื่อมวลชนและผู้นำทางความคิด (KOLs) อีก 200 ราย รวม 600 ราย เดินทางสำรวจบรรยากาศและสินค้าการท่องเที่ยว พร้อมจัดเวทีเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทยกว่า 500 รายเพื่อผลักดันการขายสู่ตลาดจีน คาดสร้างการรับรู้ว่า 350 ล้านคน-ครั้ง และมีการเจรจาธุรกิจกว่า 5,000 นัดหมาย
หวัง “จีนเที่ยวไทย” ฟื้นใกล้เคียง Best Case จำนวน 6.9 ล้านคนในปี 68
“เมื่อช่วงต้นปี 2568 เราเห็นสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนลดลง ว่าลดเพราะเหตุใดบ้าง อาทิ กรณีนักแสดงชาวจีนหายตัวไปบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา เกี่ยวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงผลกระทบเรื่องความเชื่อมั่นหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมียนมา ทำให้นักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ลดลงไปมาก ซึ่งเป็นกลุ่มที่เดินทางด้วยชาร์เตอร์ไฟลต์จากเมืองรองระดับ 2-3 ในจีน การจัดแคมเปญสวัสดี หนีห่าว เพื่อเชิญผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวและอินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนจากทั่วประเทศมาเห็นบรรยากาศการท่องเที่ยวของจริงในไทย ทางคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ให้ข้อมูลว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีอัตราการเกิดอาชญากรรมน้อยมาก นักท่องเที่ยวจีนมั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้ เป็นจุดที่ทำให้ภาคเอกชนแฮปปี้มาก”
หลังจัดแคมเปญสวัสดี หนีห่าว ททท.คาดหวังเห็นผลลัพธ์ในกรณีดีที่สุด (Best Case) ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทย “6.9 ล้านคน” ตลอดปี 2568 และเมื่อตลาดจีนฟื้นตัวดีขึ้น จะสร้างแรงหนุนแก่นักท่องเที่ยวพูดภาษาจีนตลาดอื่นๆ ให้ดีตามไปด้วย
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
จัดแคมเปญ “Nihao Month” ปลุกมู้ดจีนเที่ยวไทย
ฐาปนีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ททท.เตรียมจัดแคมเปญ “หนีห่าว มันธ์” (Nihao Month) ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ตั้งแต่เดือน ก.ย.-ธ.ค. เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมเฉลิมฉลอง “ความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ไทย-จีน” โดย ททท.จะเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ชาวจีน ส่วนจะเป็นใครนั้น ต้องขออุบไว้ก่อน แต่รับรองได้ว่าฮือฮาแน่นอน!
“ททท.ยังคงวางแผนมาตรการเชิงรุก เดินหน้าบุกตลาดจีนอย่างเต็มที่ ทั้งการเร่งกระตุ้นตลาดชาร์เตอร์ไฟลต์ในหลายพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น 52% ในปี 2568 โดยพื้นที่ที่มีการเติบโตของชาร์เตอร์ไฟลต์สูง ได้แก่ ปักกิ่ง เพิ่มขึ้นประมาณ 26% เซี่ยงไฮ้ เพิ่มขึ้น 117% และเฉิงตู เพิ่มขึ้น 164%”
ชงของบสนับสนุนเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ดึงทัวริสต์จีนจากเมืองรอง
มุ่งฝ่าวงล้อมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกที่แข่งกันด้วยการทำโปรโมชันส่งเสริมตลาดร่วมกัน หรือ “Joint Promotion” กับภาคเอกชน ซึ่งทาง ททท. ได้ยื่นของบแบบแพ็กเกจผ่านกระทรวงการท่องเที่ยวฯ หนึ่งในนั้นโครงการ “ไทยแลนด์ ซัมเมอร์ บลาสต์ – ไชน่า แอนด์ โอเวอร์ซี มาร์เก็ต สติมูลัส แพลน” (Thailand Summer Blast-China & Overseas Market Stimulus Plan) วงเงิน 750 ล้านบาทช่วยกระตุ้นมูลค่าทางเศรษฐกิจท่องเที่ยว 33,518 ล้านบาท ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยไม่น้อยกว่า 790,000 คน โดยเป็นการของบสำหรับสนับสนุน “เที่ยวบินเช่าเหมาลำ” (ชาร์เตอร์ไฟลต์) จากจีนและตลาดอื่นๆ บินตรงเข้าไทยในวงเงิน 350 ล้านบาท
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1183585&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3UfiITszUsYG1pded6tJIs